ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

โกหก

สวัสดีวันโกหก 1 เมษายน ค่ะ

มีใครชอบโกหกคนรักบ้างไหมคะ?
โกหกเล็กน้อย โกหกมาก โกหกเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย
โกหกเพื่อเอาตัวรอด โกหกเพื่อความสนุก
โกหกเพื่อให้รู้ว่าข้าเก่ง หลากหลายความคิดนะคะ

แต่สิ่งที่คุณจะได้จากการโกหก
คือใจที่ไม่ตรง บิดเบือนความจริงจากใจจากปากด้วยตัวของตัวเอง
เมื่อโกหกไปนานวันเข้า
ในกรณีที่ไม่มีใครจับได้ แต่จิตคุณจะจับได้
คุณจะเริ่มมองเห็นอะไรบิดเบือนไป คล้ายกับคำโกหกที่พูดออกมา
หรือใจจะยอมรับสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้ เพราะชอบบิดเบือนเสียจนชิน

ถ้าใครเข้าข่ายกรณีของการโกหกเหล่านี้
พยายามนะคะ
ความจริงแม้จะเจ็บปวดไปบ้าง แต่ระยะยาวคุณจะสบายกว่าแน่ ๆ

ส่วนใครที่ชอบโดนโกหกบ่อย ๆ
ก็อย่าเพิ่งเอาแต่โทษอีกฝ่ายนะคะ
หันกลับเข้ามาดูตัวเองว่า
เวลาีที่อีกฝ่ายบอกความจริง บอกตามตรงแล้ว
อาการที่เราแสดงออก เป็นอย่างไร
ทำให้อีกฝ่ายสบายใจที่จะบอกอะไรต่อมิอะไรกับเราหรือเปล่า
หรือมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์อะไร
ที่พูดย้ำพูดเตือนกันบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการทำผิด
พอเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมา ก็มักจะเป็นสิ่งที่ผู้กระทำ
รู้สึกว่าไม่อยากทำให้คนที่คาดหวังนั้นผิดหวัง
และเวลาฟังคำำจริง มันก็มักไม่ค่อยทำให้สบายใจสักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ

สำหรับทั้งสองฝ่าย
แอ้นคงจะแนะนำว่า
ฝึกใจให้รับได้กับคำจริง คำตรง ไม่บิดเบือน
และหมั่นสร้างเหตุของการไม่โกหก ยอมรับความจริงอย่างสบายใจ
ฝึกพูดความจริง โดยไม่ทำร้ายจิตใจใคร
รวมถึงไม่คาดหวังอะไรในตัวมนุษย์มากไปกว่า
ให้เค้าเป็นมนุษย์ที่มีความสุขในแบบของเค้า
และยอมรับในสิ่งที่ผู้อื่นกระทำโดยไม่ตัดสิน
เมื่อสร้างเหตุ ผลย่อมมี นั่นคือ
คุณจะรับได้กับความจริง และตัวเองก็ไม่ชอบบิดเบือนความจริง
สิ่งที่ดีคือ แม้จะต้องรู้ความจริงที่เจ็บปวด
คุณก็อาจจะไม่เจ็บปวด และไม่ถูกทำร้ายด้วยคำโกหกนั้น

อย่าอยากให้ใครต่อใครไม่โกหกคุณ
ตราบใดที่คุณยังโกหกใครต่อใครแม้กระทั่งตัวเอง
ยังยอมรับเข้ามาตรง ๆ ในจิตตนเองไม่ได้

ทางลัดของการฝึกโดยไม่ต้องมีใคร
คือการฝึกยอมรับกับจิตของตัวเอง
ว่า ณ ตอนนี้ ขณะแวบเห็นสิ่งต่าง ๆ ใจรู้สึกอย่างไร
ขณะมีคนมาปฏิัสัมพัทธ์กับคุณ ในแต่ละสถานการณ์คุณมีอารมณ์เช่นใด
ยอมรับ ยอมรู้ไปตามจริง
เห็นบ่อย ๆ คุณจะรับความจริงได้อย่างง่ายดายค่ะ

ขอให้เป็นวันโกหกที่ไม่โดนโกหกนะคะ ^^ <3 <3 <3





วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

บงการ

มีใครเป็นผู้ชอบบงการคนอื่นกันบ้างรึเปล่าคะ ?
คนเราชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นอย่างใจคิด
แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดได้อย่างที่ใจคิด

และจากที่เห็นมา
พวกเราชอบบังคับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน"
เพราะเหตุว่าพูดจาภาษาเดียวกัน
และจะคาดหวังมากว่า "คนรัก" จะเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องที่สุด
ทำได้ดังใจเรามากที่สุด
บางครั้งก็ลามไปถึงเดรัจฉานที่คาดเอาว่ามันจะรู้ภาษาเรา

เมื่อบังคับไม่ได้อย่างใจหวัง
ก็เกิดอารมณ์โกรธ น้อยใจ งอนและอีกมากมาย
บางครั้งกลายเป็นปัญหาทีใหญ่โต

ช่วงนี้เป็นเค้าชอบเล่นกันนะคะ
อย่าง เฟอร์บี้, ทามาก็อต, เกมส์เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักทั้งหลาย
เล่นไป ก็ไม่เห็นจะเคยได้ดังใจสักครั้ง
กลับเห็นเป็นเรื่องตลกและท้าทาย และอยากอยู่กับมันมากขึ้นไปอีก

เป็นเรื่องปกติของใจที่ไม่เคยฝึก
ชอบการบังคับขู่เข็ญ ตราบใดที่คนโดนไม่ใช่ตน!
และพอโดนบ้าง กลับไม่เคยรู้ตัวว่า เคยกระทำเหตุเช่นนี้มา
การโดนกับตัวให้ได้รับความรู้สึกเดียวกันย่อมเป็นผลของการกระทำนั้นเช่นกัน

หันกลับมามองดูใจตัวเองนะคะ
ลองบังคับตัวเองดู ให้เลิกโกรธ เลิกอยาก
แล้วจะทราบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับ
ถ้าบังคับใจตัวเองยังไม่ได้ เหตุใดจึงต้องไปบังคับใจคนอื่นเขา
หัดมองใจตัวเองบ่อย ๆ
จะได้รู้บ่อย ๆ ค่ะ ว่าเมื่อมีอะไรมากระทบ ตัวเรารู้สึกอย่างไร
แล้วบางครั้งจะรู้ว่า เมื่อเราทำสิ่งใดกับใครไปแล้ว
ใจเค้าจะมีความรู้สึกเช่นใด
แล้วการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราก็จะไม่ทำการกระทำนั้นด้วยเช่นกันค่ะ

ถ้าอยากบงการ
มาฝึกเป็นผู้บงการตนเองให้หมั่น ดู รู้ จิตกันเถอะค่ะ
โลกอุณหภูมิร้อน ๆ จะได้ไม่ทำให้ตัวเรากลายเป็นน้ำเดือดได้ง่ายดาย


วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิ่ง

เคยวิ่งตามคนรักจนเหนื่อยไหมคะ ?

บางครั้งเราอาจจะเคยรู้สึกว่า
ความรัก ณ ตอนนี้เราเป็นฝ่ายวิ่งตามอีกฝ่าย
จนกระทั่งรู้สึกว่า เหนื่อยเหลือเกิน

เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายให้เค้ามาตามไหมคะ ?

คิดว่าหลายคนคงเคยที่จะหยุด
เพราะเหนื่อยกับหลายสิ่งรอบตัว
แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใจมันรักเสียแล้ว

สังเกตไหมคะ
ที่เราวิ่งตามเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับเรา
วิ่งตามเพราะเค้าเหมือนห่างหาย
วิ่งตามเพราะกลัวที่จะสูญเสียเค้าไป

แต่วิ่งตามให้เหนื่อยจนท้อยังไง
ก็ไม่มีวันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอยู่
ตามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เคยถึงอยู่ดี

กลับมาตามหัวใจตัวเองดีไหมคะ
ตามรู้ในสิ่งที่อยู่กับตัวเรา
แล้วจะเห็นว่า
แค่ใจเรานั้น ก็เปลี่ยนแปลงไปได้วันนึงหลายอารมณ์หลายอย่าง
ใจเรานั้น บทจะคิด บทจะรู้สึกอะไร เราก็ห้ามมันไม่ได้

นอกจากเราจะเลิกวิ่งตามใจคนอื่นแล้ว
เรายังได้มารู้ใจตัวเองมากขึ้นด้วย
แล้วจะมองเห็นว่า แค่รู้ใจตัวเองก็ไม่ง่ายแล้ว
บังคับใจตัวเองยิ่งยากใหญ่
ประสาอะไรกับใจคนอื่น
วิ่งตามรู้ใจตัวเองนั้น ไม่เหนื่อยนะคะ :)
สิ่งที่ได้มาจะเป็นความสงบเย็น และเป็นเหมือนร่มไม้ใหญ่
ซึ่งทำให้ใครต่อใครอยากมาพักพิงใต้ร่มไม้นี้
ดีกว่าวิ่งเหนื่อยตามใครต่อใครตั้งหลายเท่าค่ะ <3 <3

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

บริหารเสน่ห์

ชอบบริหารเสน่ห์ไหมคะ ?
เสน่ห์บริหารได้ ถ้ายังโสด
แต่หากมีคนรักอยู่แล้ว เสน่ห์มีไว้ทำให้คนรักสบายใจนะคะ

การมีรักเดียวใจเดียวในคนมีคู่แล้ว
ถือเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่ทำให้ใครต่อใครสนใจในคุณ
และการยิ่งรักเดียวใจเดียวมากขึ้น
ไม่หวั่นไหวไปต่อสิ่งยั่วยุ
จะทำให้คุณเจอแต่รักที่ดี ไม่มีทำให้ช้ำใจ
เพราะอีกฝ่่ายมีคนอื่นด้วยเหตุผลเดียวกัน

หากใครมีคนรักที่ชอบบริหารเสน่ห์
อย่าพึ่งเศร้าใจไปนะคะ
นำความเจ็บที่ได้รับ มาใส่ไว้ในใจ
แล้วสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอย่างนี้
ไม่ว่าตัวเองจะโดนทรมาณทรกรรมอีกสักกี่ครั้ง

ไม่แน่ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คุณอาจเคยทำให้ใครเจ็บช้ำแบบที่คุณตั้งใจนิด ๆ แต่เค้ากลับเจ็บมาก
เช่นกัน ผลของกรรมนั้น อาจทำให้คุณเจ็บช้ำมาก
ทั้งที่อีกฝ่ายตั้งใจแค่นิดเดียว แค่เล่น ๆ

กรรมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมค่ะ
คุณเคยทำเหตุอย่างใดมา ผลจะได้รับไม่ต่างกัน
อดีตอาจเคยบริหารเสน่ห์จนทำคนเจ็บมาหลายคน
ปัจจุบันก็อาจจะต้องโดนอีกฝ่ายทำจนเจ็บได้

แต่หากใครไม่เคยทำไม่เคยเป็น แต่กลับโดนอย่างนี้
ก็ถือซะว่านี่คือบทเรียนของสิ่งที่เราไม่ควรปฏิบัติตาม

การบริหารเสน่ห์กับคนรักเป็นอย่างไร
นอกจากการรักเดียวใจเดียวแล้ว
การปรนนิบัติ เอาใจใส่ ทำสิ่งดี พูดสิ่งดีต่อกัน
หัดสังเกตสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไ่ม่ต้องมาก
หรือจะทำของทำมือน่ารัก การ์ดเล็ก ๆ สักใบ
ให้ความรักมีความหวานเบา ๆ ในทุกวัน
คุณก็จะมีเสน่ห์กับคนรักอยู่เรื่อย ๆ นะคะ

"ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม
ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป"

แค่นี้รักของคุณก็จะอบอุ่นเสมอค่ะ <3 <3 <3
สุขสันต์วันพระค่ะ

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

จาก

ถ้าคนที่เรารักหายไป
เราจะยังเสียใจอะไรไหมคะ ?

วันเวลาที่ยังมีกันอยู่ตรงนี้ บางคนกลับลืมไปว่าเวลามันก็ก้าวเดินของมันไป
บางคนคิดว่าจะเมื่อไหร่ ฉันก็ยังมีเธอ
บางคนคิดว่า เพิ่งจะได้อยู่กันไม่นาน รักกันไม่นาน โชคชะตาไม่พรากกันไปหรอก
บางคนคิดว่า อายุเพียงไม่มาก ยังไม่ล้มหายตายจากกันไปเร็วนักหรอก

แต่ชีวิตและกรรม ไม่เคยมีการเตือนล่วงหน้า
บทจะพราก บทจะทำให้ใครอีกคนจากไป
ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้เลยนะคะ

การทำกรรมดีให้อีกฝ่ายมีความสุข
การให้ความรักที่ดีอย่างที่เราคิดว่าอยากจะให้
การทำตัวน่ารัก ให้อีกฝ่ายสบายใจ
อย่าพึ่งคิดว่า เดี๋ยวค่อยทำ 
เพราะคุณจะรู้สึกเสียดาย และเสียใจถ้าหากวันนั้นมาถึง

แต่หากจะให้เหนือกว่าไม่เสียดาย
ก็คือ ทำใจได้ และเข้าใจว่า มีพบย่อมมีพราก
ก็ต้องหมั่นชวนกันมีสติระลึกรู้นะคะ
สิ่งที่เห็นง่าย รู้ง่าย ก็คือลมหายใจ หรือว่ากายเรานี่แหล่ะที่่เดี๋ยวก็พบเดี๋ยวก็พราก

หายใจเข้ามา สักพักก็ต้องพ่นอากาศเดิมออกไป
นั่งอยู่ท่าเดิมสักพักนึง อีกเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนท่า
เรียกว่า ท่าเก่าไป ท่าใหม่มาก็ได้มั้ง :)
เห็นบ่อย ๆ ก็จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ว่าต้องพราก ต้องจากเช่นกัน

และเมื่อวันนั้นมาถึง คุณก็จะไม่รู้สึกว่าการจากเป็นเรื่องผิดปกติ
คุณจะไม่รู้สึกว่าการจากทำให้ใจคุณเป็นทุกข์และเสียดาย
ฝึกให้รู้จักการจากไป แล้วจะทำใจเป็นค่ะ <3 <3

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

ร้าย

มีใครชอบทำตัวร้ายใส่คนรักบ้างคะ?
ไม่ว่าจะเพราะฟอร์มเยอะ เพราะกลัวเค้าจะไม่ฟัง
หรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม

คนรัก..คือคนที่เรารักนะคะ
การร้ายใส่กัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดจา การกระทำ
ไม่ว่าจะเล่น หรือจะจริง
ย่อมทำให้อีกฝ่ายเจ็บไม่มากก็น้อย

การดูแลทะนุถนอมความรักเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าอยากจะรักกันให้นาน หรือไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป
บางคนอาจมีความคิดว่า
การทำให้กลัว การทำให้อีกฝ่ายไม่กล้า
จะทำให้เราควบคุม หรือจัดการความสัมพันธ์นั้นได้

แต่รู้ใช่ไหมคะ
ว่าการที่โดนเป็นฝ่ายกระทำเสมอ และรู้สึกว่าตนเองโดนทำร้ายตลอด
จะยิ่งเร่งให้ความสัมพันธ์นั้นจบเร็วขึ้น

สมมติว่าตอนเรียน เราโดนบังคับเรียนวิชานั้น
แม้จะชอบขนาดไหน แต่ผู้สอนกลับบังคับให้ทำทุกอย่าง
พอเรียนจบ เผลอ ๆ อาจจะไม่ยุ่งกับวิชานั้นอีก
หรือไม่อยากเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ อีกตลอดไป
ก็เช่นเดียวกันกับหัวใจคนค่ะ

คำหวาน กระทำอบอุ่น มีช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์กับคนที่เชื่อใจได้
ย่อมจะทำให้ความรักนั้น เบา สบาย และหอมนุ่มเหมือนดอกไม้ในป่า
เมื่อแห้งแล้ว ก็จะผลิดอกออกใบมาใหม่
ต่างจากการกักขัง ทำร้ายหน่วงเหนี่ยวหัวใจ
เช่นกับตัดดอกไม้มาใส่แจกัน แห้งแล้ว ตายแล้ว ก็ลงขยะอย่างเดียวเลยนะคะ

ขอให้ดูแลความรัก กระทำต่อคนรัก เหมือนที่อยากให้เค้ากระทำกับเรา
แล้วจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสุข
และความรักก็จะดีงามเสมอคะ

<3 <3

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลักรัก

หลักรักแท้ตามพุทธศาสนามี 4 คุณลักษณะก็คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

เมตตา คือ ความปรารถนาที่จะทำให้ผู้อื่นอยู่เป็นสุข 
แต่ในเรื่องของความรัก ความเมตตายังหมายถึงความสามารถที่เราจะมอบความเบิกบานและความสุ
ให้กับคนที่เรารัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักคนคนนี้ 
แต่รักที่เรามีอาจจะทำให้เค้าเป็นทุกข์ก็ได้ 

กรุณา คือ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 
สำหรับในเรื่องความรัก คือ การแบ่งเบาความทุกข์ของคนรักได้อย่างแท้จริงนั่นเอง

มุทิตา คือ ความสุขใจและเบิกบานใจกับความรักของคนทั้งสองคน 

ถ้าต่างคนต่างต้องร้องไห้ หรือมีใครต้องร้องไห้เพราะใครอีกคน 
นั่นคงจะไม่ใช่ความรักที่เราต้องการกันจริงไหมคะ ^^

อุเบกขา คือ การมอบพื้นที่ว่างในหัวใจให้กันและกันอย่างมีความสุข 

ให้อิสระต่อกันอย่างเบิกบานและสามารถไว้ใจกันและกันได้ อย่างแท้จริง

การที่เราจะสามารถมอบ 4 อย่างนี้ให้กับคนรักของเรา 

เราจำเป็นต้องหัดมองคนรักของเราลึกเข้าไปภายใน 
มองให้เห็นถึงปัญหาและความรู้สึก ความอยากของอีกฝ่ายที่อาจจะเก็บไว้อย่างมิดชิด 
และการที่เราจะมองเข้าไปแบบนั้นได้เราต้องมีเวลาที่จะเฝ้ามอง สังเกต ใส่ใจคนรักของเรา 
เพื่อที่เราจะได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่หล่อหลอมคนรักของเราให้เป็นแบบนั้น 
เมื่อเรารู้เราก็จะสามารถมอบความรักที่ดีให้กับคนรักของเราได้ดีขึ้นทีละนิด ทีละนิด ♥

เนื้อหาส่วนใหญ่จากหนังสือ // รักแท้ * ติช นัท ฮันห์

ฆราวาสธรรม 4

การใช้ชีวิตคู่นั้น ในทางธรรมก็มีหลักที่คงเคยได้ยินกันมานะคะ 
นั่นก็คือหลัก ฆราวาสธรรม 4 ซึ่งเป็นหลักที่ใช้สำหรับการครองเรือน
นอกเหนือไปจากคุณลักษณะ 4 ประการที่เคยพูดถึงไปแล้ว

ฆราวาสธรรม 4 ประกอบไปด้วย
สัจจะ ก็คือ การพูดเรื่องจริง ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อคนรักของตนเอง

ทมะ คือ การปรับตัว ข่มใจ ปรับปรุงนิสัยให้อยู่ในความพึงใจของกันและกัน 
ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนนึงเป็นคนปรับ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ปัญญาในการมองคนรักอย่างลึกซึ่ง 
ไม่ใช่ปรับตามที่ตนเองคิด แต่ปรับเพื่อให้คนรักของเราสบายใจและมีความสุข

ขันติ คือ การมีความอดทนอดกลั้ันต่อเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่พึงใจ หรือเรื่องใหญ่ที่เป็นปัญหาร้ายแรง 

อดทนต่อการยั่วยุจากสิ่งเร้าต่าง ๆ รอบกายที่อาจจะทำให้คนรักของเราไม่สบายใจ

จาคะ คือ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรัก 

เห็นแก่เค้ามากกว่าเห็นแก่เรา เข้าใจเค้ามากกว่าเอาตามใจเรา

ฟังดูแล้วหลักการนี้ก็ดูจะไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนักนะคะ 

เพราะไม่ใช่จะทุกคู่ที่ต่างคนต่างมอบฆราวาสธรรม 4 ให้แก่กัน 
ถ้าหากใครที่มีคู่แล้วเป็นแบบนี้ก็อนุโมทนา 
แต่ถ้าหากท่านใดยังห่างไกลนัก ลองมาปฏิบัติฆราวาสธรรม 4 
โดยไม่ต้องหวังว่าอีกฝ่ายจะต้องทำแบบนี้ตอบแทนดีไหมคะ 
อาจจะทำให้ความคาดหวังที่มีลดลง ใจจะเบาและสบายขึ้น

แต่การลดความคาดหวังนั้นไม่ใช่เรื่องที่คิดว่าจะทำก็ทำได้ 

ย่อมต้องเกิดจากการฝึกฝนที่จะเห็นความคาดหวังของตัวเองก่อนนะคะ 
แล้วค่อย ๆ ลดความคาดหวังนั้นลงไป 
หมั่นสังเกตจิตใจของตนเองเวลาที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการให้เค้าทำให้เรา 
ร้อนหรือเย็น เบาหรือหนัก ทุกข์หรือสุข 
แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาให้เรามีความสุขกับการไม่คาดหวังมากขึ้นวันละน้อย ๆ ค่ะ

เหงา

มีใครรู้สึกว่าคนรักทิ้งให้เหงาเปล่าเปลี่ยว ไม่ใส่ใจแบบที่เราคิดว่าควรจะเป็น 
แล้วตัวเองกลับต้องมานั่งร้องไห้ ทุรนทุรายกับความคิดว่าเค้าไม่รักบ้างคะ ?

อาการน้อยใจคิดว่าเค้าไม่รัก อาการเรียกร้องหาความรักแบบที่ตนอยากได้ 
บางครั้งหากมองในมุมของผู้รับ มันอาจเป็นถ่านร้อน 
และเมือกเหนียวที่ทำให้อยากถอยหนีห่างออกมา

การกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง สงบ และสละออก 
น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะดับร้อนจากถ่าน และขัดฟอกเอาเมือกเหนียวนั้นออกได้

การหมั่นสวดมนต์อย่างตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงบทสั้น ๆ เช่น บทอิติปิโส 

ก็สามารถทำให้เราได้กลับมาสู่ใจตัวเอง 
ได้มีมุมสงบดับร้อนแม้มุมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็น่าจะช่วยคลายทุกข์ให้เบาบางไม่มากก็น้อย

การหมั่นทำทาน ไม่ว่ากับพระสงฆ์ หรือคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งเดรัจฉาน 

ก็คือการฝึกการสละออกไป 
หากในการทำทานนั้นได้ได้สังเกตดูและจดจำความสุขที่ได้จากการให้ 
และหมั่นอธิษฐานขอให้ตนได้สละความเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรัก 
สละความอยากได้นั่นอยากได้นี่จากอีกฝ่ายออกไป 
ก็จะทำให้เราลดความอยาก ลดการเรียกร้องจากอีกฝ่ายลงได้

ภาวะความสงบเย็น และเบาจากตัวเรา ไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันก็จะเห็นผล 

แต่ต้องเย็นและเบานานและมากพอ ที่อีกฝ่ายจะเห็น
ผลที่ได้ถ้าไม่เป็นการกลับมาใกล้ชิดของคนรัก 

ก็คงเป็นการเห็นทุกข์จากการมีคู่ที่ไม่เสมอกันและถอยห่างออกมาด้วยตนเองนั่นแล

ปลูก

การครองคู่คือการแบ่งปัน 
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าภายนอก 
แต่ยังรวมถึงสิ่งที่รู้สึกได้ด้วยใจภายในอีกด้วย ..ดังตฤณ

หากคิดจะรักแล้วไม่พูดไม่บอกให้อีกฝ่ายได้รู้ 
รู้ไหมว่านั่นอาจเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว 
ความรักควรออกมาให้เห็นทั้งทาง กาย วาจา และใจ 
อย่ามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้ และเข้าใจ 
เพราะในห้วงอารมณ์ของความรัก สติจะถดถอย เหตุผลจะลดลง 

ถ้าหากรัก จงบอกด้วยปาก ปฏิบัติด้วยกาย และหนักแน่นด้วยใจ
การพูดจาภาษาดอกไม้นับเป็นวจีกรรมอันดี
การโอบกอดคนรักด้วยความอ่อนโยนนับเป็นกายกรรมอันสวยงาม
การรักมั่นคงใจเดียวนับเป็นมโนกรรมที่ประเสริฐ
หมั่นตรวจสอบตนเองบ่อย ๆ ว่ามีความคิด 

การกระทำหรือคำพูดใดที่ทำร้ายอีกฝ่ายก็ควรจะค่อย ๆ ปรับปรุงซึ่งกันและกัน 
เพื่อให้ความรักเจริญงอกงามดุจต้นกล้าจะเติบโตได้ดีก็ต้องหมั่นกำจัดวัชพืช :) ♥

สร้างรัก

ความรู้สึกรักเป็นสิ่งที่จงใจสร้างไม่ได้ 
เพระเป็นภาวะธรรมชาติทางอารมณ์ที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยถึง 2 ประการประกอบกัน
1. ต้องเคยอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน
2. ต้องเกื้อกูลกันในปัจจุบันจึงจะรู้สึกเข้ากันและสนิทใจพอจะอยู่ด้วยกัน 
ตลอดจนเต็มใจสร้างเรื่องราวน่าประทับใจร่วมกัน

คุณจะไม่มีทางก่อร่างสร้างรากแห่งความรักขึ้นมาจากการคิดคดทรยศ 
หรือด้วยคำพูด่าทอทิ่มแทง หรือด้วยความประพฤตินอกใจ 
หรือด้วยการร่วมกันคดโกงคนอื่น หรือด้วยการร่วมกันสร้างความร้าวฉานขึ้นในสังคม 
รากของความรักต้องเกิดจากการสะสมอะไรดี ๆ ร่วมกัน ทั้งปัจจุบันและอดีตเท่านั้น

คู่มือกรรมพยากรณ์..ดังตฤณ

แล้วถ้าหากรัก ณ ตอนนี้มีบางเรื่องอาจจะดีไม่ดีเกิดขึ้น 

และมีบางครั้งเคยรับรู้ / ไปดูหมอมาว่าไม่ใช่คู่กันในอดีต 
อยากให้ตอนนี้คู่ที่มีดีขึ้นจะทำยังไง

เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่ทำปัจจุบันให้ดีได้จริงไหมคะ 

การเกื้อกูลกันในปัจจุบันให้มากจะทำให้ปัจจุบันความรักที่มีเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจค่ะ
การพากันไปทำบุญ พากันไปฟังธรรม เกื้อหนุนกันและกัน 

แม้จะไม่มีเวลาทำบุญด้วยแต่ก็พาไปส่งหรืออนุโมทนา ก็ถือเป็นสิ่งดี ๆ ที่ทำร่วมกัน 
คุณอาจจะไม่สามารถรั้งอดีตและไม่สามารถรู้อนาคต 
แต่ถ้าปัจจุับันสิ่งที่ทั้งสองคนทำร่วมกัน ส่งผลให้รู้สึกดีต่อกันและไม่มีอะไรมาทำให้บาดหมาง 
ก็คงจะยากที่จะอยากออกห่างแม้อดีต(ที่ไม่เคยคู่)จะส่งผล 
และถึงแม้สุดท้ายจะต้องแยกห่างจากกัน 
ก็จะเป็นการห่างจากกันด้วยรอยยิ้มและความเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล ^^

คุยกัน

ความรักไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากถ้อยคำ 
แต่มาจากความสบายใจที่สามารถคุยกันรู้เรื่องทุกคำ 
..รักแท้มีจริง ดังตฤณ

การคุยกันด้วยความสบายใจจะยิ่งเพิ่มความแนบแน่นในความรักมากขึ้นนะคะ 
ถ้าลองมาคิดดูว่าความสบายใจในการคุยกับคนรักนั้นมีอะไรบ้าง 
คิดว่าคำตอบก็คงออกมาหลากหลาย 
แต่ถ้าหากจะให้สรุปรวมนั้น ก็คงจะหมายถึง การคุยกันด้วยจิตใจเปิดกว้าง 
ไม่ตัดสินคำพูดของอีกฝ่ายจากมุมมองของตนเอง 
และการมีจิตใจหนักแน่นเมื่อได้ยินคำพูดที่สบ/ไม่สบอารมณ์อย่างมาก (ไม่ฟุ้งซ่าน)

หากใครมีลักษณะนิสัยและจิตที่เป็นแบบนี้ก็คงถือว่าเป็นโชคดีของคนรัก 

แต่ถ้าหากว่ามีน้อยหรือไม่มีเลย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะฝึกฝนนะคะ 
การหมั่นรู้หมั่นดูจิตใจตนเองจะทำให้เราได้ฝึกสังเกตค่ะ 
ว่าถ้าหากเราได้เจอสภาวะเดียวกับอีกฝ่าย หรือเจอคำพูดแบบเดียวกับอีกฝ่าย เรามีความรู้สึกยังไง 
และจะแสดงออกไปอย่างไรให้ดีต่อกันและกัน 
การคิดถึงใจเขาใจเรานั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ใจตัวเองก่อนนะคะ 
นั่นก็คือการหมั่นตามรู้ใจของตนเองในแต่ละวินาทีไป 
สักวันเราก็จะรู้ใจเขาได้ค่ะ และจะทำให้การใช้ชีวิต พูดคุยกัน เป็นไปอย่างตรงตามใจเขา 
ก็สบายใจกันทั้งสองฝ่าย จริงไหมคะ :) ♥

กรรมเหวี่ยง

ทราบไหมคะว่าคนที่เราคบกันอยู่นี้บุญกรรมอย่างไรจึงเหวี่ยงมาให้ได้รัก..
ความเสมอกันทั้ง 4 คือ ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ
คือสิ่งที่เหวี่ยงให้คนสองคนมาเจอกัน หากต่างมีความเสมอกันใน 4 สิ่งนี้ 
ย่อมทำให้ความรักนั้นดำเนินไปอย่างมีความสุข

ศีล คือ การปฏิบัติตน หากทั้งสองคนมีศีลเสมอกัน ย่อมเห็นจิตใจของกันและกัน 
เช่น ต่างคนต่างไม่รู้สึกผิดแปลกหากจะมีคนอื่น นี่ก็อยู่กันได้ 
แต่ก็อาจจะอยู่กันด้วยความสงสัยว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีใครอีกคนหรือไม่ 
แต่หากถือศีล 5 กันทั้งคู่นั่นคงจะอยู่กันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจและมีความสงบสบายอยู่ในความสัมพันธ์นั้น

ศรัทธา คือ ความเชื่อ เคารพในสิ่งที่ควรเคารพ 

หากฝ่ายหนึ่งศรัทธาลัทธิ อีกฝ่ายศรัทธาศาสนา(ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) 
แนวคิดแนวปฏิบัติตนในแต่ละวันคงจะแตกต่างกันออกไป ถึงดื้อจะอยู่กันก็คงมีความอึดอัดขัดข้อง 
หรือหากศรัทธากันไปในคนละเรื่องคนละด้าน 
ฝ่ายหนึ่งมีศีล 5 อีกฝ่ายฆ่าสัตว์เมาสุราไม่เว้นแต่ละวัน ก็คงจะอยู่กันยาก 
แต่ในส่วนนี้หากทั้งสองมีศรัทธาไปในทางด้านดี มีศีล ปัญญา จาคะเสมอกันดี ส่วนนี้อาจจะมีผลไม่มาก 
หากแต่การร่วมบุญกัน ความชื่นใจในการปฏิบัติร่วมกัน((เช่นตักบาตรร่วมกัน)อาจไม่เกิดขึ้นในชาตินี้ภพนี้

ปัญญา คือ ความคิดความเข้าใจในอีกฝ่าย การใช้ความเข้าใจกัน 

ใจเขาใจเรา น่าจะเป็นพื้นฐานทำให้ต่างคนต่างอยู่กันด้วยความรู้สึกดี 
หากคุยกันไปแล้วเข้าใจกันคนละอย่าง มีปัญหากันแล้วอธิบายแล้วกลับยิ่งแย่ 
แน่นอนว่า สิ่งนี้ย่อมบั่นทอนความรู้สึกดีเวลาที่อยู่ด้วย 
บางครั้งอาจจะทำให้อีกคนไม่อยากที่จะพูดอะไร กลายเป็นเลิกอธิบาย 
เมื่อมองว่าไร้ประโยชน์และจะยิ่งทะเลาะ 
นานวันเข้าความเข้าใจกันจะลดน้อยลงจนกลายเป็นความไม่เข้าใจไปก็ได้

จาคะ คือ ความเสียสละ นั่นคือเราเสียสละความโกรธ ความเกียจคร้าน 

เวลาส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย และสิ่งอื่น ๆ เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข 
เช่น เวลาคนรักมีปัญหาโทรมาหาในเวลาที่เรากำลังพักผ่อนก็ยอมลุกมานั่งฟังอย่างตั้งใจ
และมุ่งหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ 
หากต่างคนต่างไม่่มีเวลาเพื่อกันและกัน ไม่ได้ทำอะไรเพื่อกันและกัน 
ความแห้งแล้งในจิตใจย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดานะคะ

เมื่อพูดถึงเรื่องความเสมอแล้ว แสดงว่าถึงแม้ครบกันมาทั้ง 4 อย่างนี้เสมอกันแล้ว 

หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายในพัฒนาเรื่อง 4 เรื่องให้มากขึ้น เจริญเติบโตขึ้นแล้วอีกฝ่ายไม่มีการพัฒนาเลย 
สมดุลรักก็จะเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้บางครั้งก็อยู่ด้วยกันต่อไม่ได้นะคะ 
สิ่งที่ดีคือหากสมดุลกับคนไหนแล้ว ช่วยกันพัฒนาในทุก ๆ ด้าน 
ช่วยกันเจริญเติบโตก้าวหน้าก็จะทำให้รักยังสมดุลอยู่เสมอ

เช่นกันหากท่านใดมีรักที่ไม่มีสุขหรือยังไม่มีรัก หมั่นพัฒนาตนเองนะคะ 

เพราะเมื่อคุณพัฒนาตัวเองแล้ว สิ่งเหล่านี้จะนำพาให้คุณได้พบเจอกับคนที่สมดุลกับคุณเอง 
และแอ้นก็แน่ใจว่าคนที่มี 4 อย่างนี้ในระดับสูง คุณจะอยู่กับเค้าได้อย่างมีความสุขมากกว่าคนที่มี 4 สิ่งนี้น้อยกว่าค่ะ ♥ 
ลองดูกันนะคะ แม้กระทั่งตอนไม่มีใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ค่ะ ^^

ปัญหากับใจ

ระหว่างปัญหากับใจ สิ่งไหนเป็นสิ่งสำคัญระหว่างคนสองคนมากกว่ากันคะ..
ในระหว่างมีปัญหากันนั้น จิตใจเรามักจะมืดมิดเมามัวด้วยหมอกของอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ 
และมักจะเผลอพูดอะไรร้าย ๆ ที่ต้องทำให้มาสำนึกผิดหรือแก้ปัญหาในทีหลัง 

หากเรามีสติฝึกคิดบ่อย ๆ ว่า ที่เราคบกับคนคนนี้อยู่นั้น 
เราก็ตกลงใจว่าจะดูแลเค้าให้ดี ไม่อยากทำให้เสียใจ 
แล้วทำไมเล่าเมื่อมีปัญหาแทนที่เราจะมองไปที่ใจ 
กลับมุ่งเน้นพุ่งประเด็นไปที่เหตุผลและความถูกผิดของปัญหานั้น

ปัญหา ถ้ามันยังคงมีอยู่มันก็ไม่หายไปไหนนะคะ 

เช่นเดียวกับความถูกผิดซึ่งอยู่ในบรรทัดฐานของคนแต่ละคน 
เถียงหรือทะเลาะกันไปด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ปัญหาก็ยังคงค้างอยู่ที่เดิม 
ความคิดว่าใครถูกหรือผิดก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่เพิ่มมากลับเป็นอารมณ์ร้าย
ที่สาดเทเข้าหากันเหมือนสาดสีดำเข้าผ้าขาว และหัวใจที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูดตัดสินกันและกัน

ปล่อยให้ปัญหาค้างอยู่ก่อน แล้วหันกลับมาถนอมดูแลใจกันนะคะ

เลือกใช้คำพูดที่เป็นน้ำเย็นไม่ใช่น้ำร้อนเพื่อถอยออกห่างมาจากสภาวะมืดมนนั้น 
การรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเมื่อเรามีภาวะอารมณ์ที่รุนแรง 
และการควบคุมจิตใจไม่ให้มีไฟพวยพุ่งก็เช่นเดียวกันค่ะ

หากจะฝึกความใจเย็นให้เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหา 

แรกเริ่มควรเริ่มจากสิ่งที่คนอื่นมองเห็น นั้นคือการรักษาวาจา/กริยาไม่ให้ทำร้ายอีกฝ่าย 
หมั่นฝึกคิดตริตรองว่าคำพูด/การกระทำนั้นดีหรือร้าย ชะงักคำพูดไว้ก่อนออกมาจากปาก 
ชะงักท่าทางก่อนจะกระทำ หากไม่ดีก็หยุดพูดมันหยุดทำเสีย 
ฝึกบ่อย ๆ การกรองคำจากสมองก็จะเข้มแข็งไมพูดและทำอย่างใจคิด
แม้จะมีน้ำเดือดปุด ๆ อยู่ในสมองและหัวใจก็ตาม


เมื่อฝึกใช้คำพูดที่ดี การวางตัวที่ดีแม้ในเวลาที่ร้ายได้แล้ว 

ก็หันกลับมาถนอมสมองและหัวใจของตัวเอง 
หมั่นมีสติระลึกรู้กับสิ่งที่อยู่แต่งหรือคิดแทนอีกฝ่าย เปิดใจกว้างดูให้ครบทุกมุมมอง 
การคู่กันใจเขาใจเราเป็นสิ่งสำคัญนะคะ 
เรื่องข้อเท็จจริงอาจจะมีถูกผิดชี้สอนกันให้ถูกได้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานยืนยัน 
แต่ความคิดเห็นและความเข้าใจย่อมหาถูกผิดยากเป็นเรื่องของแนวคิดและมุมมองค่ะ

หากฝึกตัวด้วยการระงับคำพูดการกระทำ และฝึกคิดอย่างมีสติไม่ปรุงแต่งบ่อย ๆ เข้า 

เราจะมองเห็นเองว่า ปัญหามันไม่สำคัญอะไรเลย หัวใจของคนรักที่เราต้องถนอมสำคัญกว่า 
แล้วความรักร้อน ๆ จะกลายเป็นรักหวานเย็นได้ไม่ยากเลยค่ะ ♥

อิจฉา

เวลาเห็นคนรักกันจิตใจคุณนึกยินดีหรืออิจฉา?
เวลาเห็นคนเฒ่าคนแก่ที่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันมาสี่ห้าสิบปี 
ส่วนใหญ่ใจเราจะเห็นความอบอุ่นในตัวเอง บ้างก็เอ็นดู บ้างก็รู้สึกตื้นตัน 
บ้างก็รู้สึกว่าจะมีไหมใครสักคนที่อยู่กับเราตลอดแบบนี้

แต่เวลาเห็นคนอายุพอ ๆ กันกับเรามีรักที่ดี ใจคุณยังคงเหมือนที่เห็นกับคนแก่คู่กันรึเปล่า 
ใจคิดรึเปล่าว่าทำไมเค้าถึงมีแบบนี้แต่เราไม่ ใจคิดรึเปล่าว่าชั้นหาได้ดีกว่านี้ 
ใจคิดรึเปล่าว่าเดี๋ยวก็เลิกกัน บางคนซ้ำร้ายเห็นเค้าคู่กันดีก็อยากจะได้คู่เค้ามาเพราะคิดว่าจะดีเหมือนกัน 
หรือใจคุณยินดีกับเค้าที่หารักดี ๆ ได้ 
อนุโมทนากับบุญกับเค้าเวลาเห็นเค้าทำบุญร่วมกันให้รักพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับคำพูดเล่น ๆ ว่าอิจฉาจังหรืออะไรอื่น ๆ นั้น 

หากจิตคุณยินดีและชอบใจกับความรักรอบกายก็ไม่นับว่าจิตอิจฉานะคะ 
แต่หากลดคำพูดประมาณนี้ได้ก็คงจะดีนะคะ 
เพราะบางครั้งเวลาเราพูดเล่น ๆ จิกสายตาเล่น ๆ คนได้ยินก็อาจจะไม่เล่นก็มี 
อาจจะสร้างอารมณ์ขุ่นเล็ก ๆ ให้กับคนอื่นก็เป็นได้ ^^

ใจที่มีจิตอิจฉานั้น จะเป็นตัวผลักสิ่งต่าง ๆ ที่คุณอิจฉาออกไปนะคะ 

เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณรังเกียจสิ่งดี ๆ เหล่านั้น 
เวลาที่นึกถึงภาพคนรักกันมาก ๆ จิตคุณจะมีแต่ความอึดอัด ไม่ชอบใจ 
ซึ่งจะทำให้ความรักคุณคุณอิจฉา 
คนดีที่คุณอยากได้ มาไม่ถึงสักที 
หรือหากมาถึงคุณกำลังได้รับมันอยู่ คุณก็จะไม่เห็นดีเห็นงามกับความรักนั้น 
เอาแต่รำคาญหงุดหงิด อึดอัด เหมือนกับตอนที่คุณอิจฉาความรักของคนอื่นอยู่จริง ๆ ค่ะ ♥

พ่อแม่กับคนรัก

วันนี้เราดูแลพ่อแม่กันดีรึยังคะ ?
ทำไมบางคนคู่ของเค้าจึงดูแล ใส่ใจ ห่วงใยดี 
แต่ทำไมบางคู่คนรักก็ไม่ค่อยสนใจ ไม่ดูแลเท่าไรนัก
บางครั้งอาจเป็นเพราะการดูแลอรหันต์ในบ้านนะคะ 
สังเกตไหมคะว่า ลูกส่วนใหญ่ที่เชื่อฟังพ่อแม่ 
ทำให้พ่อแม่ชื่นใจ ดูแลพ่อแม่อย่างดี พาพ่อแม่ทำบุญทำกุศล 
แนะนำท่านไปในทางธรรมที่ถูกที่ควร มักจะได้รับคนรักและความรักที่สดชื่นและอบอุ่น
กลับมาสำรวจตัวเองว่า ตัวเรานี้ได้ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดีสมกับที่ท่านเลี้ยงเราจนเติบใหญ่รึเปล่า
การดูแลพ่อแม่ทั้งทางกาย วาจา และใจ เป็นบุญใหญ่นะคะ 

การดูแลด้วยจิตใจอิ่มเอิบสดใสจะยังผลในระยะยาวนะคะ
การดูแลคนที่ควรดูแล การใส่ใจคนที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่แทนคุณยังไงก็คงไม่หมด
จะเอาเงินทองที่ท่านเลี้ยงมาทั้งชีวิตมากองตรงหน้า 

อาจเทียบไม่ได้เลยกับการนั่งทานข้าวกับท่านอย่างมีความสุขสักมื้อเดียว

เวลาเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่านกำลังร่วงโรยเรื่อย ๆ นะคะ 

ท่านก็มีความหวังอยู่ลึก ๆ แม้อาจจะแสดงหรือไม่แสดงออกก็ตามทีว่าเราจะดูแลท่าน 
เหมือนกับที่เราอาจจะคาดหวังกับคนรักเช่นกันว่าเค้าจะดูแล ห่วงใย ใส่ใจเราในเวลาที่ควร อภัยเราในเวลาที่เราทำผิดอย่างไม่มีจำกัด
แต่เคยหันกลับมาสำรวจหรือเปล่าว่า เวลาที่พ่อแม่พูดไม่เข้าหู 
เราแสดงท่าทางอย่างไร 
เราดูแลใส่ใจเค้าอย่างดีเวลาเค้าเจ็บไข้เหมือนกับตอนที่เราเจ็บแล้วดูแลหรือเปล่า 
เวลาพ่อแม่ถามเราหงุดหงิดไหม เวลาท่านขอโทษยามทำผิดเราพูดอย่างไรกับท่าน

ถ้ายังดูแลพ่อแม่หรือคนที่เลี้ยงดูเราได้ไม่ดีพอ ยังไม่อภัยที่เค้าอาจจะเคยทำร้ายเรา 
หรืออีกมากมายแบบที่เราเคยทำไม่ดีกันมา 
อยากให้ลูก ๆ กลับมาดูแลตรงส่วนนี้ด้วยนะคะ 
แอ้นเชื่อว่าถ้าเราทำให้ท่านอย่างเต็มใจ ปรับปรุงความคิดเพื่อพวกท่านด้วยใจจริงแล้ว
ไม่นานความรักดี ๆ จะเข้ามาหาไม่ว่าจะจากคนเก่าหรือคนที่กำลังจะเข้ามาแน่นอน 
โดยบางครั้งเราอาจจะไม่ได้หวังด้วยซ้ำค่ะ