ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เชื่อมั่น

คุณศรัทธาในตัวคนรักไหมคะ
คุณเชื่อรึเปล่าว่าคนรักของคุณเป็นคนที่คุณเลือกมาแล้วอย่างดี
คุณเชื่อในตัวตนของคนรักของคุณรึเปล่า

ความเชื่อมั่น ศรัทธาในคนรักเป็นสิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตคู่นะคะ
การรักกันหากเราไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายมีนิสัยที่ดีงามเข้ากันได้
เราก็จะใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจกันบ่อย ๆ
จนกระทั่งบางวัน อาจทำให้ทนอยู่ด้วยกันไม่ได้
แล้วสุดท้าย คำพูดที่เราใช้ทำร้ายเค้าก็จะทำให้เค้าเป็นแบบที่เราพูด

คำพูดและความคิดเป็นเหมือนแม่เหล็กค่ะ
หากคุณพูดหรือคิดสิ่งที่ใดบ่อย ๆ
จิตคุณจะยึดอยู่กับสิ่งนั้น เฝ้ามองหาแต่สิ่งนั้น
แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นจริงขึ้นมา

อย่างเช่นถ้าหากคุณสนใจมือถือรุ่นนึง
คุณจะพบว่ามีคนใช้มือถือรุ่นที่คุณสนใจนั้น เดินผ่านไปมาให้เห็นมากกว่าปกติ
นั่นเพราะคุณสังเกตเห็นมัน และมันก็จะดึงดูดสิ่งที่คุณเฝ้าฝันถึงเสมอมาให้

เช่นกันกับคนรัก
ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าคนรักเป็นคนดี มองหาแต่สิ่งดี ชื่นชมสิ่งดี ๆ
ไม่มีคำพูดร้ายออกมาให้แหนงใจ
คงจะยากที่ชีวิตคู่ของคุณจะไม่สดชื่น
แต่หากคุณเอาแต่มองข้อแย่ ข้อเสีย และสังเกตเห็นแต่เรื่องร้าย ๆ ของอีกฝ่าย
ก็คงจะยากที่ชีวิตคู่จะดีไปได้

มนุษย์เราไม่ว่าใคร ก็ย่อมอยากเป็นคนน่าชื่นชมในสายตาคนอื่น
แม้จะมีเวลาที่ร้ายบ้าง
แต่ในสายตาคนที่เรารัก เราย่อมอยากให้เค้าให้อภัย หรือไม่เปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นในตัวเราลง
แต่เมื่อไหร่ที่มีการกล่าวโทษ หรือแม้กระทั่งตัดสินเราด้วยสายตาของอคติ
คนส่วนใหญ่ย่อมจะปกป้องตัวเอง ด้วยคำพูดโต้แย้ง ที่จะชักการเกิดวิวาทะตามมา

หากใครมีคนที่รักแล้ว จงเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวของคนรักจนถึงที่สุด
แล้วชักนำกันไปสู่ความรัก ชีวิตคู่ที่ดีงาม เต็มไปด้วย ศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญาที่เสมอกันนะคะ

ละอองบุญ <3

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คงจะดีถ้า...

เวลาเจอปัญหาอะไรต่าง ๆ ในชีวิต
เคยคิดคำนี้ไหมคะ
มันคงจะดีถ้า........

และเมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นกับคนรักของเรา
ส่วนใหญ่ก็คงจะคิดว่า
มันคงจะดีถ้าเค้าไม่เป็นแบบนี้
มันคงจะดีถ้าฉันไม่คบกับคุณ
มันคงจะดีถ้าฉันไปจากคุณ
มันคงจะดีถ้าุคุณพบคนอื่น
แล้วผลที่ตามมาคือ น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หรือความรู้สึกแย่ที่เพิ่มขึ้น

มันคงจะดีถ้าเราเลิกคิดแบบนี้นะคะ
เพราะนั่นเรากำลังสร้างความคิดด้านลบให้กับตัวเอง
มองโลกตามสิ่งที่เราอยากให้เป็น
และผิดหวังเมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น

หันกลับมามองโลกตามความเป็นจริง
หากเกิดเหตุอะไร
สงบใจ สงบปาก สงบคำ สงบกาย
มองพิจารณาเฉพาะเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ปรุงต่อ
เลิกคิดว่า มันคงจะดี...
รู้เพียงว่า ตอนนี้ใจตัวเองเป็นเช่นไร
สมองคิดสิ่งใดอยู่
ปาดน้ำตาทิ้งแล้วยิ้มให้กับตัวเองว่า
โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างโลก
ใจเราสงบเย็นเป็นพอ และเราไม่มีเวลาจะมาคิดมากกับโลกภายนอกแล้ว
การเรียนรู้โลกในใจเราเป็นเรื่องมีขีดจำกัดนะคะ
คือเมื่อเรียนรู้ถึงจุดนึงแล้ว จะจบ นั่นคือรู้ทันกิเลสในใจตน
แต่เรื่องทางโลกไม่มีวันจบ มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ

เรียนเรื่องโลกแล้วมีน้ำตา
แต่เรียนเรื่องใจของตนจะมีแต่น้ำใจ
น้ำใจที่คิดถึงผู้อื่นไม่คิดเอาเข้าตัว
เข้าใจโลก เข้าใจผู้อื่น เข้าใจตนเองได้อย่างแท้จริง

มันคงจะดีถ้าทุกคนมุ่งรับปริญญาทางการรู้นะคะ :)

ละอองบุญ

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Talk

เวลาอยู่ด้วยกัน
การพูดจาเป็นกิริยาอาการที่แสดงออกต่อกันมากที่สุด
และยังทำให้รับรู้ถึงความคิดได้มากที่สุด

แต่การใช้วาจา
ก็ทำให้บางครั้งเราเข้าใจกันน้อยลงหรือไม่เข้าใจกันเลย
เพราะอะไร ?

ครูอาจารย์เคยสอนว่า
คู่ที่คุยกันด้วยความเข้าใจผิดเสมอ คือ คู่ที่ไม่เคยคุยกันเลย
การคุยกันควรคุยกันแล้ว เข้าใจกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น
เพราะเราควรคุยกันด้วยการเอาใจใส่ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
นึกถึงใจเขาใจเรา และคุยด้วยเมตตา
เพื่อพัฒนาความเข้าใจในคู่ของเรา มากกว่าจะคุยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ

เป็นปกตินะคะ ถ้าเราจะคุยกันแล้วบางครั้งทะเลาะกัน
แต่ถ้าเอาเนื้อหานั้น ๆ มานั่งนึก คิด หาเหตุผล
ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคืออะไร แล้วทะเลาะกันเพราะอะไร
ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา สิ่งต่าง ๆ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปสักแค่ไหน
ทุกคนย่อมมีความคิดใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ
มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาไปของความคิดตลอดอยู่แล้ว
ดังนั้นการคุยกันด้วยความเข้าใจ
จะทำให้คนสองคนเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ลดความทะเลาะ ลดความไม่พอดีกันลงไปได้
ด้วยการคุยกันด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

อีกสาเหตุของการทะเลาะกัน นั่นก็คือ การไม่ได้ฟังกันอย่างลึกซึ้ง
คือ ฟังเพียงผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับฟัง
ซึ่งบางครั้ง อาจทำให้ ความเข้าใจกันผิดเพี้ยน
ก่อเป็นปัญหาทะเลาะกันใหญ่โต ต่อเมื่อมานั่งฟังกันอย่างตั้งใจ
อาจจะพบว่า ที่ทะเลาะกันมานั้น สุดท้ายก็เข้าใจกัน ไม่รู้ที่ทะเลาะกันเพราะอะไร

คำพูดที่จะใช้ก็สำคัญเช่นกันนะคะ
อย่าคิดว่าคนใกล้ชิด ความสนิท จะทำให้คุณใช้คำพูดแบบใดก็ได้
รักษาน้ำจิตน้ำใจของคนที่คุย
ระลึกไว้ว่า คนที่คุยอยู่ตรงหน้าคุณ เป็นคนสำคัญที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
จะทำให้เราพัฒนาคำพูด ลักษณะการพูดคุย ให้เหมาะสมได้ในที่สุดค่ะ

ละอองบุญ

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข้อแม้

คนเราเวลาทำอะไรชอบสร้างข้อแม้
โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก
ถ้าไม่....... ฉันก็จะ........
ถ้าเธอไม่มาหา ฉันก็จะน้อยใจ
ถ้าพ่อไม่ให้ หนูก็จะไม่สอบเข้าที่นี่ (เป็นต้น)

การสร้างข้อแม้ให้กับตัวเอง
มักก่อให้เรากลายเป็นคนที่ต้องการการตอบแทนก่อนจะทำสิ่งใด
สร้างความโลภให้เกิดภายในใจได้ไม่ยาก
และก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน

ข้อแม้ระหว่างคนรัก
มักทำให้ความสัมพันธ์มีเงื่อนไข
กลายเป็นความรักที่หวังตอบแทน รักด้วยความคาดหวัง
ก่อเกิดเป็นปมขึ้นมาภายในหัวใจไม่เราก็เค้าหรือทั้งสองคน
ว่าถ้าหากวันนึง เราไม่ทำตามเงื่อนไขหรือข้อแม้นั้น
เธอจะยังรักฉันอยู่รึเปล่า
ซึ่งการคิดแบบนี้ ก็เหมือนลำธารรักสายหนึ่ง
ที่มีเกาะแก่งโขดหินแห่งเงื่อนไขอันใหญ่ขวางกั้น
กว่าจะทะลวงออกไปสู่แม่น้ำสุดกว้างได้นั้น
ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาลกับโขดหินแห่งเงื่อนไขนั้น
หากบางครั้งเหนื่อยที่จะทะลวงเกาะแก่งก็อาจจะยอมเป็นเพียงแอ่งน้ำเล็ก ๆ
ที่ไม่มีวันได้ออกไปสู่แม่น้ำของความรักแท้อันบริสุทธิ์ได้เลย

ข้อแม้เพียงอย่างเดียวที่ควรมี
คือ ถ้าเธอจะไม่รักฉัน ฉันก็จะยังมีความสุขอยู่ได้กับการรักเธออย่างจริงใจ
นั่นก็คือ ความเมตตาในรัก
เมตตาในตัวเอง เคารพตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง
เพื่อที่จะได้รักได้อย่างปราศจากเงื่อนไข ไร้ข้อแม้นั่นเอง :)

ละอองบุญ

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

คลายร้อน


อากาศร้อน ๆ แบบนี้
เคยเผลอทำอาการร้อน ๆ ใส่คนรักบ้างรึเปล่าคะ

ความร้อนทางกาย ระงับได้ด้วยหลายสิ่ง
ทั้งเปิดแอร์ ดื่มน้ำเย็น หรือหนีไปเที่ยวที่อื่น
แต่ความร้อนทางใจ ระงับได้ด้วยตัวของคุณเอง
และนอกจานั้นแล้ว ความร้อนไม่ได้ระอุอยู่ที่ใจเราเพียงคนเดียวนะคะ
เวลาเราร้อนกระแสร้อนจากใจนะส่งไปให้กับคนรอบข้าง
ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งร้อนขึ้น

แล้วจะทำยังไงให้หายร้อน ?
ก็เปิดแอร์ใจ ดื่มน้ำใจ หรือหนีไปสนใจเรื่องเย็น ๆ
ก็น่าจะทำให้ใจที่ร้อนได้ผ่อนพักคลายลงบ้าง

เปิดแอร์ให้ใจตัวเองแล้ว คนรักหรือคนรอบข้างก็สามารถมาพักได้
ช่วยกันเย็นสบายสร้างรอยยิ้ม

จะเปิดแอร์ใจให้ตัวเอง ต้องยอมรับเสียก่อนว่า
อากาศร้อน ใจกำลังร้อน ยอมรับไปดื้อ ๆ เสียแบบนั้นแหล่ะค่ะ
เมื่อยอมรับได้แล้ว ก็หันกลับมาย้อนพิจารณาเอาซะว่า
เราไม่สามารถปรับอากาศภายนอกให้ได้เหมือนใจคิด
และเราบังคับใจเราให้เย็นวูบลงไม่ได้อย่างใจคิดเช่นกัน

เมื่อรู้แล้วก็วางใจเอาไว้นิ่ง ๆ
สักแต่ว่ารู้ว่าใจร้อน สักแต่ว่ารู้ว่ากายร้อน
ปล่อยให้ใจเร่าร้อนไป แต่อาการที่ออกมาจะผ่อนคลายลง
เมื่อรู้แล้วไม่ต้องเต้นเร่าหาที่เย็นแบบกระเสือกกระสน
ความเย็นจะค่อย ๆ คืบคลานมาหาเองค่ะ

แต่ถ้าหากร้อนกายคงต้องหาที่หนีร้อนเสียหน่อยนะคะ
อย่าปล่อยให้ตัวเกรียมแดดจนเป็นลมเสียก่อน
แต่หากใจร้อนทำตามอย่างที่ว่าไว้ รับรองค่ะ
ใจจะเย็นเหมือนอยู่ขั้วโลกเลย

ละอองบุญ

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ห่วงใย

เวลาที่คนรักเจ็บป่วย
คุณ"พา"เค้าไปหาหมอ หรือ "บอก"ให้ไปหาหมอ
คุณเอามือแตะหน้าผากวัดไข้หรือแค่บอกให้ตรวจดู
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนรักกันบางทีก็สำคัญนะคะ

บางครั้งที่เห็นคนรักของเราไม่สบาย
เค้าอาจจะไม่แสดงออกว่าเป็นอะไร
ทำตัวเข้มแข็ง โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายบางท่าน
แต่การได้รับการดูแลเอาใจใส่ เล็กๆน้อย ๆ
อาจทำให้ใจแข็ง ๆ อ่อนโยนขึ้น ลุกมาออดอ้อนกันไม่มากก็น้อย
หรือถ้าไม่อ้อนก็คงทำให้อาการเจ็บไข้หายดีขึ้นได้บ้างนะคะ

คนเราในช่วงที่อ่อนแอที่สุดอีกช่วง
ก็คงเป็นช่วงที่มีอาการไม่สบายนี่แหล่ะค่ะ
หากมีทางไหนที่แสดงความใส่ใจกันและกันได้
ให้พยายามทำนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น
อาจจะมีคำพูดน้อยใจมากระทบกันให้รู้สึกแย่กันได้

ถ้าหากใครไม่สบายและคนรักไม่มีเวลาที่จะมาดูแล
ก็พยายามเข้าใจกันไว้นะคะ
หากตามปกติแล้วอีกฝ่ายดูแลใส่ใจดี แต่คราวนี้กลับดูแลไม่ได้
ก็คงต้องกลับมานั่งคิดว่าเค้าคงจะไม่สามารถมาได้จริง ๆ
ต้องคิดถึงเค้าด้วยนะคะ ว่าก็คงจะร้อนใจมากพอแล้ว
ที่ไม่สามารถมาหา มาดูแลเราได้ในยามที่เราอ่อนแอ

แต่ถ้าหากใครปกติก็เฉย ๆ ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจกัน
ก็รับกันมาได้ คบกันมาก็สบายดี
เกิดมาตอนป่วยไข้เค้าจะไม่ค่อยมาดูแลสนใจ
ก็ต้องเข้าใจอีกเช่นกันค่ะ ว่าโดยพื้นฐานแล้วก็เป็นอย่างนั้น
และเราก็รับเค้ามาได้ตลอด ในกรณีนี้อยากให้ดูแลยังไง
ก็คงต้องบอกออกปากกันไปตรง ๆ ดีกว่ามาแอบน้อยใจคนเดียวค่ะ

สงกรานต์ปีใหม่ไทย อาจทำให้ใครหลายคนมีอาการไม่สบาย
รวมถึงบางครั้งอาจมีการงอนง้อกันนิดหน่อยให้เป็นสีสัน
ก็อย่าลืมดูแลคนรักของเรา ให้หายป่วยเร็ว ๆ
และมีปีใหม่ที่สดใส และหัวใจที่เข้มแข็งขึ้นมาก ๆ ค่ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยอีกครั้งนะคะ ^^
ละอองบุญ <3

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ค่า

ใครที่คอยดูแลห่วงใยใส่ใจคุณ
คนนั้นมีค่า....

หากคนไหนมีค่าสำหรับเราแล้ว
หมั่นคอยดูแลรักษาเค้าไว้นะคะ
เพราะไม่แน่ว่าจะมีใครที่จะยอมดูแลเราได้อีกหรือไม่

บางคนอาจคิดว่า
คนที่ดูแลใส่ใจนั้น เป็นหน้าที่ของเค้า
เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณมากมาย
หรือบางทีกลับกลายเป็นรู้สึกว่า
จะทำอะไรกับอีกฝ่ายก็ได้
เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะเลิกดูแล
หรือบางครั้งก็ปกป้องตัวเองกลัวความใส่ใจที่อีกฝ่ายให้มา
ด้วยการร้ายกลับ เพราะกลัวตัวเองเจ็บหากต้องสูญเสียเค้าไป

อยากเตือนให้คิดนะคะว่า
ปัจจุบันคือเวลาที่เป็นของขวัญของเรา
present = gift = here & now = เวลานี้ตอนนี้
ดังนั้น
หากใครสักคนดีกับเรา
เราก็ควรจะดีกับเค้า
และหากใครสักคนจะไม่ดีกับเรา
เราก็ยิ่งต้องดีกับเรา
เพราะทุกคน ต้องการความรักอุ่น ๆ
ที่พักพิงเย็น ๆ บรรยากาศสบาย ๆ
หากรักกับใครแล้ว ต้องมากลัวอนาคต
ต้องปกป้องหัวใจตัวเองด้วยการทำร้ายอีกฝ่าย
นั่นดูจะเป็นความใจร้ายเกินไปสักหน่อยนะคะ

ถ้าหากอยากปกป้องใจตัว
ก็ดังที่เคยบอกไว้เสมอค่ะ
กลับมามองให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นไตรลักษณ์
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ แน่นอน เสมอไป..ไม่มี
และไม่คาดหวังกับผลของมันให้ดีสมกับที่เราทำดีลงไป
ดังนั้นทำดีก็ทำให้เต็มที่
แล้วปล่อยทุกอย่างให้เดินไปตามทางของมัน
ปกป้องหัวใจตนด้วยการหมั่นภาวนา
ให้เห็นตามจริง...
การพลัดพราก การจากลา หรือการกลับมา
ทุกสิ่งเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า แม้กระทั่งตัวเรา ใจเราค่ะ

ละอองบุญ

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

โอบอุ้ม

วันนี้พาคนรักไปทำบุญร่วมกันรึยังคะ ?
มีใครคนไหนที่มีคนรักชอบทำบุญกันบ้าง
แล้วเวลาที่เค้าชวน เรามีปฏิกิริยาอย่างไรคะ

สนับสนุนกันเต็มที่ เธอไปทำบุญไหนก็ไปด้วยกัน
หรือ
จะดีหรอ บุญนี้น่าสงสัย บุญนี้ไม่น่าทำ

บุญ คือ ความสุขใจ ผ่องใสนะคะ
หากทำอะไรแล้วรู้สึกมีสุข นั่นก็คือบุญ
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า
ถึงแม้เราจะทำบุญกับพระทุศีล
แต่เราทำด้วยจิตใจที่อิ่มในบุญนั้น
ก็ยังได้บุญอยู่นะคะ ไ่ม่ใช่ได้บาป

หากแต่ถ้าจะทำบุญใดก็ควรพิจารณาสักเล็กน้อย
ว่าที่เราทำไปนั้น ใครได้ประโยชน์
ตัวเราอาจจะไม่ได้บาป แต่คนที่ทำเรื่องไม่ดีนั้นบาป
และการที่เราทำให้เค้าทำบาปได้สะดวกขึ้น
ก็น่าสงสารเค้านะคะ ที่บาปนั้นต้องสำเร็จ
ส่วนตัวเราก็สบายใจเถอะค่ะ ทำบุญต้องได้บุญแน่

ถ้าหากใครไม่สบายใจกับบุญที่อีกฝ่ายทำ
ลองเปลี่ยนแง่คิดเป็นว่า
การพาเธอไปทำอะไรที่เธอสุขใจนั่นคือบุญของเรา
ก็น่าจะทำให้สบายใจขึ้นได้ไม่ยากจริงไหมคะ

หาความเย็นใจด้วยการทำบุญในวันอากาศร้อน ๆ แบบนี้เถอะค่ะ
เพราะบุญที่ได้ทำ นั้นเย็น
ใครไม่มีโอกาสได้ไปวัด หรือไปทำบุญตามสถานที่ต่าง ๆ
แค่ยิ้มเย็น ๆ ให้กับคนรอบข้าง
ก็ถือเป็นบุญมหาศาลที่ดีกว่าการทำหน้างอใส่กันละค่ะ
และเราเชื่อว่าถ้าใครอิ่มเอมกับบุญที่ทำได้มาก
ใจและกายก็จะเย็นเหมือนเป็นแอร์เคลื่อนที่
ถึงแม้อุณหภูมิด้านนอก จะเป็นน้อง ๆ เตาไมโครเวฟก็เถอะค่ะ <3 <3


ละอองบุญ

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

พึ่งพา

ในวันที่เหนื่อยล้า
คุณเป็นที่พึ่งพาให้กับคนรักมากแค่ไหน

คนเราบางครั้งไม่ได้ต้องการใครที่จะแก้ปัญหาได้
แต่ต้องการคนที่จะให้เราพูดให้ฟังได้
พักพิงกายใจได้อย่างอบอุุ่นใจและเย็นกาย สบายจิต

น่าแปลกไหมคะ
ที่เวลาใครมีปัญหา มักจะนึกถึงทะเลไม่ก็วัด
ทะเล กว้างใหญ่ ยิ่งใหญ่ สุดลูกหูลูกตา
มองไปเหมือนเห็นปัญหาเราเล็กนิดเดียว
มองคลื่นสูงต่ำ ก็เหมือนชีวิตที่มีขึ้นมีลง
ดูแล้วก็ปลง ว่าวันนี้เราตกต่ำสักวันเราจะสูงได้
แล้วมันก็จะมีเวลาที่วนกลับมาเป็นแบบนี้ได้อีก

วัด ที่ที่เวลาก้าวเข้าไปแล้ว
ก็เหมือนมีแอร์ธรรมชาติ ความเย็นมาจากไหนก็ไม่ทราบ
โดยเฉพาะใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่ดูจะทำให้เย็นกาย
หัวใจที่แห้งแล้ง ก็เหมือนมีน้ำรดให้ชุ่มเย็น
ปัญหาอะไรต่าง ๆ ดูจะคลี่คลายไปสักพัก
ทั้งที่ปัญหาจริงยังอยู่ แต่ปัญหาในใจกลับผ่อน
ดังนั้นพอจะคิดได้ว่า สิ่งที่เรามองว่าเป็นปัญหา อาจจะไม่ใช่ปัญหา
สิ่งที่เราปรุงแต่งเข้าไปต่างหาก ที่อาจจะเป็นปัญหา

สังเกตไหมคะ สองอย่างนี้
ไม่เคยเรียกร้องให้เราเข้าไปหา
แต่เมื่อไหร่ที่เราไป เราจะได้อะไรกลับมามากมาย
และเราไม่เคยต้องเจ็บเพิ่มกับการพักใจกับที่เหล่านี้

ณ ตอนนี้คุณทำตัวเป็นทะเลและวัดให้กับคนรักรึเปล่าคะ
หรือเวลาเค้ามีปัญหา คุณกลับเป็นเหมือนกำแพง
ที่ว่างเปล่า และสะท้อนกลับแรง กระแทกก็เจ็บ
คนที่มีปัญหา อ่อนล้า จิตใจจะหม่นลง พอที่จะมองเห็นแสงสว่างได้ยาก
หากคุณทำตัวเป็นกำแพงเข้าไปบังแสงอีก ยิ่งจะพากันมืดบอด

มาเพิ่มแสงสว่างให้กับคนรัก
ด้วยการจุดประกายสติ และให้มองเห็นไตรลักษณ์กันเถอะค่ะ
ชีวิตเรา เลือกที่จะเจอเหตุการณ์อะไรต่อมิอะไรไม่ได้
แต่เลือกที่จะคิด เลือกที่จะวางใจไว้อย่างไรได้นะคะ <3 <3 <3

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

โกหก

สวัสดีวันโกหก 1 เมษายน ค่ะ

มีใครชอบโกหกคนรักบ้างไหมคะ?
โกหกเล็กน้อย โกหกมาก โกหกเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย
โกหกเพื่อเอาตัวรอด โกหกเพื่อความสนุก
โกหกเพื่อให้รู้ว่าข้าเก่ง หลากหลายความคิดนะคะ

แต่สิ่งที่คุณจะได้จากการโกหก
คือใจที่ไม่ตรง บิดเบือนความจริงจากใจจากปากด้วยตัวของตัวเอง
เมื่อโกหกไปนานวันเข้า
ในกรณีที่ไม่มีใครจับได้ แต่จิตคุณจะจับได้
คุณจะเริ่มมองเห็นอะไรบิดเบือนไป คล้ายกับคำโกหกที่พูดออกมา
หรือใจจะยอมรับสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้ เพราะชอบบิดเบือนเสียจนชิน

ถ้าใครเข้าข่ายกรณีของการโกหกเหล่านี้
พยายามนะคะ
ความจริงแม้จะเจ็บปวดไปบ้าง แต่ระยะยาวคุณจะสบายกว่าแน่ ๆ

ส่วนใครที่ชอบโดนโกหกบ่อย ๆ
ก็อย่าเพิ่งเอาแต่โทษอีกฝ่ายนะคะ
หันกลับเข้ามาดูตัวเองว่า
เวลาีที่อีกฝ่ายบอกความจริง บอกตามตรงแล้ว
อาการที่เราแสดงออก เป็นอย่างไร
ทำให้อีกฝ่ายสบายใจที่จะบอกอะไรต่อมิอะไรกับเราหรือเปล่า
หรือมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์อะไร
ที่พูดย้ำพูดเตือนกันบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการทำผิด
พอเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมา ก็มักจะเป็นสิ่งที่ผู้กระทำ
รู้สึกว่าไม่อยากทำให้คนที่คาดหวังนั้นผิดหวัง
และเวลาฟังคำำจริง มันก็มักไม่ค่อยทำให้สบายใจสักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ

สำหรับทั้งสองฝ่าย
แอ้นคงจะแนะนำว่า
ฝึกใจให้รับได้กับคำจริง คำตรง ไม่บิดเบือน
และหมั่นสร้างเหตุของการไม่โกหก ยอมรับความจริงอย่างสบายใจ
ฝึกพูดความจริง โดยไม่ทำร้ายจิตใจใคร
รวมถึงไม่คาดหวังอะไรในตัวมนุษย์มากไปกว่า
ให้เค้าเป็นมนุษย์ที่มีความสุขในแบบของเค้า
และยอมรับในสิ่งที่ผู้อื่นกระทำโดยไม่ตัดสิน
เมื่อสร้างเหตุ ผลย่อมมี นั่นคือ
คุณจะรับได้กับความจริง และตัวเองก็ไม่ชอบบิดเบือนความจริง
สิ่งที่ดีคือ แม้จะต้องรู้ความจริงที่เจ็บปวด
คุณก็อาจจะไม่เจ็บปวด และไม่ถูกทำร้ายด้วยคำโกหกนั้น

อย่าอยากให้ใครต่อใครไม่โกหกคุณ
ตราบใดที่คุณยังโกหกใครต่อใครแม้กระทั่งตัวเอง
ยังยอมรับเข้ามาตรง ๆ ในจิตตนเองไม่ได้

ทางลัดของการฝึกโดยไม่ต้องมีใคร
คือการฝึกยอมรับกับจิตของตัวเอง
ว่า ณ ตอนนี้ ขณะแวบเห็นสิ่งต่าง ๆ ใจรู้สึกอย่างไร
ขณะมีคนมาปฏิัสัมพัทธ์กับคุณ ในแต่ละสถานการณ์คุณมีอารมณ์เช่นใด
ยอมรับ ยอมรู้ไปตามจริง
เห็นบ่อย ๆ คุณจะรับความจริงได้อย่างง่ายดายค่ะ

ขอให้เป็นวันโกหกที่ไม่โดนโกหกนะคะ ^^ <3 <3 <3





วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

บงการ

มีใครเป็นผู้ชอบบงการคนอื่นกันบ้างรึเปล่าคะ ?
คนเราชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นอย่างใจคิด
แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดได้อย่างที่ใจคิด

และจากที่เห็นมา
พวกเราชอบบังคับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน"
เพราะเหตุว่าพูดจาภาษาเดียวกัน
และจะคาดหวังมากว่า "คนรัก" จะเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องที่สุด
ทำได้ดังใจเรามากที่สุด
บางครั้งก็ลามไปถึงเดรัจฉานที่คาดเอาว่ามันจะรู้ภาษาเรา

เมื่อบังคับไม่ได้อย่างใจหวัง
ก็เกิดอารมณ์โกรธ น้อยใจ งอนและอีกมากมาย
บางครั้งกลายเป็นปัญหาทีใหญ่โต

ช่วงนี้เป็นเค้าชอบเล่นกันนะคะ
อย่าง เฟอร์บี้, ทามาก็อต, เกมส์เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักทั้งหลาย
เล่นไป ก็ไม่เห็นจะเคยได้ดังใจสักครั้ง
กลับเห็นเป็นเรื่องตลกและท้าทาย และอยากอยู่กับมันมากขึ้นไปอีก

เป็นเรื่องปกติของใจที่ไม่เคยฝึก
ชอบการบังคับขู่เข็ญ ตราบใดที่คนโดนไม่ใช่ตน!
และพอโดนบ้าง กลับไม่เคยรู้ตัวว่า เคยกระทำเหตุเช่นนี้มา
การโดนกับตัวให้ได้รับความรู้สึกเดียวกันย่อมเป็นผลของการกระทำนั้นเช่นกัน

หันกลับมามองดูใจตัวเองนะคะ
ลองบังคับตัวเองดู ให้เลิกโกรธ เลิกอยาก
แล้วจะทราบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับ
ถ้าบังคับใจตัวเองยังไม่ได้ เหตุใดจึงต้องไปบังคับใจคนอื่นเขา
หัดมองใจตัวเองบ่อย ๆ
จะได้รู้บ่อย ๆ ค่ะ ว่าเมื่อมีอะไรมากระทบ ตัวเรารู้สึกอย่างไร
แล้วบางครั้งจะรู้ว่า เมื่อเราทำสิ่งใดกับใครไปแล้ว
ใจเค้าจะมีความรู้สึกเช่นใด
แล้วการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราก็จะไม่ทำการกระทำนั้นด้วยเช่นกันค่ะ

ถ้าอยากบงการ
มาฝึกเป็นผู้บงการตนเองให้หมั่น ดู รู้ จิตกันเถอะค่ะ
โลกอุณหภูมิร้อน ๆ จะได้ไม่ทำให้ตัวเรากลายเป็นน้ำเดือดได้ง่ายดาย


วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิ่ง

เคยวิ่งตามคนรักจนเหนื่อยไหมคะ ?

บางครั้งเราอาจจะเคยรู้สึกว่า
ความรัก ณ ตอนนี้เราเป็นฝ่ายวิ่งตามอีกฝ่าย
จนกระทั่งรู้สึกว่า เหนื่อยเหลือเกิน

เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายให้เค้ามาตามไหมคะ ?

คิดว่าหลายคนคงเคยที่จะหยุด
เพราะเหนื่อยกับหลายสิ่งรอบตัว
แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใจมันรักเสียแล้ว

สังเกตไหมคะ
ที่เราวิ่งตามเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับเรา
วิ่งตามเพราะเค้าเหมือนห่างหาย
วิ่งตามเพราะกลัวที่จะสูญเสียเค้าไป

แต่วิ่งตามให้เหนื่อยจนท้อยังไง
ก็ไม่มีวันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอยู่
ตามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เคยถึงอยู่ดี

กลับมาตามหัวใจตัวเองดีไหมคะ
ตามรู้ในสิ่งที่อยู่กับตัวเรา
แล้วจะเห็นว่า
แค่ใจเรานั้น ก็เปลี่ยนแปลงไปได้วันนึงหลายอารมณ์หลายอย่าง
ใจเรานั้น บทจะคิด บทจะรู้สึกอะไร เราก็ห้ามมันไม่ได้

นอกจากเราจะเลิกวิ่งตามใจคนอื่นแล้ว
เรายังได้มารู้ใจตัวเองมากขึ้นด้วย
แล้วจะมองเห็นว่า แค่รู้ใจตัวเองก็ไม่ง่ายแล้ว
บังคับใจตัวเองยิ่งยากใหญ่
ประสาอะไรกับใจคนอื่น
วิ่งตามรู้ใจตัวเองนั้น ไม่เหนื่อยนะคะ :)
สิ่งที่ได้มาจะเป็นความสงบเย็น และเป็นเหมือนร่มไม้ใหญ่
ซึ่งทำให้ใครต่อใครอยากมาพักพิงใต้ร่มไม้นี้
ดีกว่าวิ่งเหนื่อยตามใครต่อใครตั้งหลายเท่าค่ะ <3 <3

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

บริหารเสน่ห์

ชอบบริหารเสน่ห์ไหมคะ ?
เสน่ห์บริหารได้ ถ้ายังโสด
แต่หากมีคนรักอยู่แล้ว เสน่ห์มีไว้ทำให้คนรักสบายใจนะคะ

การมีรักเดียวใจเดียวในคนมีคู่แล้ว
ถือเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่ทำให้ใครต่อใครสนใจในคุณ
และการยิ่งรักเดียวใจเดียวมากขึ้น
ไม่หวั่นไหวไปต่อสิ่งยั่วยุ
จะทำให้คุณเจอแต่รักที่ดี ไม่มีทำให้ช้ำใจ
เพราะอีกฝ่่ายมีคนอื่นด้วยเหตุผลเดียวกัน

หากใครมีคนรักที่ชอบบริหารเสน่ห์
อย่าพึ่งเศร้าใจไปนะคะ
นำความเจ็บที่ได้รับ มาใส่ไว้ในใจ
แล้วสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอย่างนี้
ไม่ว่าตัวเองจะโดนทรมาณทรกรรมอีกสักกี่ครั้ง

ไม่แน่ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คุณอาจเคยทำให้ใครเจ็บช้ำแบบที่คุณตั้งใจนิด ๆ แต่เค้ากลับเจ็บมาก
เช่นกัน ผลของกรรมนั้น อาจทำให้คุณเจ็บช้ำมาก
ทั้งที่อีกฝ่ายตั้งใจแค่นิดเดียว แค่เล่น ๆ

กรรมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมค่ะ
คุณเคยทำเหตุอย่างใดมา ผลจะได้รับไม่ต่างกัน
อดีตอาจเคยบริหารเสน่ห์จนทำคนเจ็บมาหลายคน
ปัจจุบันก็อาจจะต้องโดนอีกฝ่ายทำจนเจ็บได้

แต่หากใครไม่เคยทำไม่เคยเป็น แต่กลับโดนอย่างนี้
ก็ถือซะว่านี่คือบทเรียนของสิ่งที่เราไม่ควรปฏิบัติตาม

การบริหารเสน่ห์กับคนรักเป็นอย่างไร
นอกจากการรักเดียวใจเดียวแล้ว
การปรนนิบัติ เอาใจใส่ ทำสิ่งดี พูดสิ่งดีต่อกัน
หัดสังเกตสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไ่ม่ต้องมาก
หรือจะทำของทำมือน่ารัก การ์ดเล็ก ๆ สักใบ
ให้ความรักมีความหวานเบา ๆ ในทุกวัน
คุณก็จะมีเสน่ห์กับคนรักอยู่เรื่อย ๆ นะคะ

"ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม
ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป"

แค่นี้รักของคุณก็จะอบอุ่นเสมอค่ะ <3 <3 <3
สุขสันต์วันพระค่ะ

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

จาก

ถ้าคนที่เรารักหายไป
เราจะยังเสียใจอะไรไหมคะ ?

วันเวลาที่ยังมีกันอยู่ตรงนี้ บางคนกลับลืมไปว่าเวลามันก็ก้าวเดินของมันไป
บางคนคิดว่าจะเมื่อไหร่ ฉันก็ยังมีเธอ
บางคนคิดว่า เพิ่งจะได้อยู่กันไม่นาน รักกันไม่นาน โชคชะตาไม่พรากกันไปหรอก
บางคนคิดว่า อายุเพียงไม่มาก ยังไม่ล้มหายตายจากกันไปเร็วนักหรอก

แต่ชีวิตและกรรม ไม่เคยมีการเตือนล่วงหน้า
บทจะพราก บทจะทำให้ใครอีกคนจากไป
ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้เลยนะคะ

การทำกรรมดีให้อีกฝ่ายมีความสุข
การให้ความรักที่ดีอย่างที่เราคิดว่าอยากจะให้
การทำตัวน่ารัก ให้อีกฝ่ายสบายใจ
อย่าพึ่งคิดว่า เดี๋ยวค่อยทำ 
เพราะคุณจะรู้สึกเสียดาย และเสียใจถ้าหากวันนั้นมาถึง

แต่หากจะให้เหนือกว่าไม่เสียดาย
ก็คือ ทำใจได้ และเข้าใจว่า มีพบย่อมมีพราก
ก็ต้องหมั่นชวนกันมีสติระลึกรู้นะคะ
สิ่งที่เห็นง่าย รู้ง่าย ก็คือลมหายใจ หรือว่ากายเรานี่แหล่ะที่่เดี๋ยวก็พบเดี๋ยวก็พราก

หายใจเข้ามา สักพักก็ต้องพ่นอากาศเดิมออกไป
นั่งอยู่ท่าเดิมสักพักนึง อีกเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนท่า
เรียกว่า ท่าเก่าไป ท่าใหม่มาก็ได้มั้ง :)
เห็นบ่อย ๆ ก็จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ว่าต้องพราก ต้องจากเช่นกัน

และเมื่อวันนั้นมาถึง คุณก็จะไม่รู้สึกว่าการจากเป็นเรื่องผิดปกติ
คุณจะไม่รู้สึกว่าการจากทำให้ใจคุณเป็นทุกข์และเสียดาย
ฝึกให้รู้จักการจากไป แล้วจะทำใจเป็นค่ะ <3 <3

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

ร้าย

มีใครชอบทำตัวร้ายใส่คนรักบ้างคะ?
ไม่ว่าจะเพราะฟอร์มเยอะ เพราะกลัวเค้าจะไม่ฟัง
หรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม

คนรัก..คือคนที่เรารักนะคะ
การร้ายใส่กัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดจา การกระทำ
ไม่ว่าจะเล่น หรือจะจริง
ย่อมทำให้อีกฝ่ายเจ็บไม่มากก็น้อย

การดูแลทะนุถนอมความรักเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าอยากจะรักกันให้นาน หรือไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป
บางคนอาจมีความคิดว่า
การทำให้กลัว การทำให้อีกฝ่ายไม่กล้า
จะทำให้เราควบคุม หรือจัดการความสัมพันธ์นั้นได้

แต่รู้ใช่ไหมคะ
ว่าการที่โดนเป็นฝ่ายกระทำเสมอ และรู้สึกว่าตนเองโดนทำร้ายตลอด
จะยิ่งเร่งให้ความสัมพันธ์นั้นจบเร็วขึ้น

สมมติว่าตอนเรียน เราโดนบังคับเรียนวิชานั้น
แม้จะชอบขนาดไหน แต่ผู้สอนกลับบังคับให้ทำทุกอย่าง
พอเรียนจบ เผลอ ๆ อาจจะไม่ยุ่งกับวิชานั้นอีก
หรือไม่อยากเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ อีกตลอดไป
ก็เช่นเดียวกันกับหัวใจคนค่ะ

คำหวาน กระทำอบอุ่น มีช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์กับคนที่เชื่อใจได้
ย่อมจะทำให้ความรักนั้น เบา สบาย และหอมนุ่มเหมือนดอกไม้ในป่า
เมื่อแห้งแล้ว ก็จะผลิดอกออกใบมาใหม่
ต่างจากการกักขัง ทำร้ายหน่วงเหนี่ยวหัวใจ
เช่นกับตัดดอกไม้มาใส่แจกัน แห้งแล้ว ตายแล้ว ก็ลงขยะอย่างเดียวเลยนะคะ

ขอให้ดูแลความรัก กระทำต่อคนรัก เหมือนที่อยากให้เค้ากระทำกับเรา
แล้วจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสุข
และความรักก็จะดีงามเสมอคะ

<3 <3

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลักรัก

หลักรักแท้ตามพุทธศาสนามี 4 คุณลักษณะก็คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

เมตตา คือ ความปรารถนาที่จะทำให้ผู้อื่นอยู่เป็นสุข 
แต่ในเรื่องของความรัก ความเมตตายังหมายถึงความสามารถที่เราจะมอบความเบิกบานและความสุ
ให้กับคนที่เรารัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักคนคนนี้ 
แต่รักที่เรามีอาจจะทำให้เค้าเป็นทุกข์ก็ได้ 

กรุณา คือ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 
สำหรับในเรื่องความรัก คือ การแบ่งเบาความทุกข์ของคนรักได้อย่างแท้จริงนั่นเอง

มุทิตา คือ ความสุขใจและเบิกบานใจกับความรักของคนทั้งสองคน 

ถ้าต่างคนต่างต้องร้องไห้ หรือมีใครต้องร้องไห้เพราะใครอีกคน 
นั่นคงจะไม่ใช่ความรักที่เราต้องการกันจริงไหมคะ ^^

อุเบกขา คือ การมอบพื้นที่ว่างในหัวใจให้กันและกันอย่างมีความสุข 

ให้อิสระต่อกันอย่างเบิกบานและสามารถไว้ใจกันและกันได้ อย่างแท้จริง

การที่เราจะสามารถมอบ 4 อย่างนี้ให้กับคนรักของเรา 

เราจำเป็นต้องหัดมองคนรักของเราลึกเข้าไปภายใน 
มองให้เห็นถึงปัญหาและความรู้สึก ความอยากของอีกฝ่ายที่อาจจะเก็บไว้อย่างมิดชิด 
และการที่เราจะมองเข้าไปแบบนั้นได้เราต้องมีเวลาที่จะเฝ้ามอง สังเกต ใส่ใจคนรักของเรา 
เพื่อที่เราจะได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่หล่อหลอมคนรักของเราให้เป็นแบบนั้น 
เมื่อเรารู้เราก็จะสามารถมอบความรักที่ดีให้กับคนรักของเราได้ดีขึ้นทีละนิด ทีละนิด ♥

เนื้อหาส่วนใหญ่จากหนังสือ // รักแท้ * ติช นัท ฮันห์

ฆราวาสธรรม 4

การใช้ชีวิตคู่นั้น ในทางธรรมก็มีหลักที่คงเคยได้ยินกันมานะคะ 
นั่นก็คือหลัก ฆราวาสธรรม 4 ซึ่งเป็นหลักที่ใช้สำหรับการครองเรือน
นอกเหนือไปจากคุณลักษณะ 4 ประการที่เคยพูดถึงไปแล้ว

ฆราวาสธรรม 4 ประกอบไปด้วย
สัจจะ ก็คือ การพูดเรื่องจริง ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อคนรักของตนเอง

ทมะ คือ การปรับตัว ข่มใจ ปรับปรุงนิสัยให้อยู่ในความพึงใจของกันและกัน 
ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนนึงเป็นคนปรับ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ปัญญาในการมองคนรักอย่างลึกซึ่ง 
ไม่ใช่ปรับตามที่ตนเองคิด แต่ปรับเพื่อให้คนรักของเราสบายใจและมีความสุข

ขันติ คือ การมีความอดทนอดกลั้ันต่อเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่พึงใจ หรือเรื่องใหญ่ที่เป็นปัญหาร้ายแรง 

อดทนต่อการยั่วยุจากสิ่งเร้าต่าง ๆ รอบกายที่อาจจะทำให้คนรักของเราไม่สบายใจ

จาคะ คือ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรัก 

เห็นแก่เค้ามากกว่าเห็นแก่เรา เข้าใจเค้ามากกว่าเอาตามใจเรา

ฟังดูแล้วหลักการนี้ก็ดูจะไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนักนะคะ 

เพราะไม่ใช่จะทุกคู่ที่ต่างคนต่างมอบฆราวาสธรรม 4 ให้แก่กัน 
ถ้าหากใครที่มีคู่แล้วเป็นแบบนี้ก็อนุโมทนา 
แต่ถ้าหากท่านใดยังห่างไกลนัก ลองมาปฏิบัติฆราวาสธรรม 4 
โดยไม่ต้องหวังว่าอีกฝ่ายจะต้องทำแบบนี้ตอบแทนดีไหมคะ 
อาจจะทำให้ความคาดหวังที่มีลดลง ใจจะเบาและสบายขึ้น

แต่การลดความคาดหวังนั้นไม่ใช่เรื่องที่คิดว่าจะทำก็ทำได้ 

ย่อมต้องเกิดจากการฝึกฝนที่จะเห็นความคาดหวังของตัวเองก่อนนะคะ 
แล้วค่อย ๆ ลดความคาดหวังนั้นลงไป 
หมั่นสังเกตจิตใจของตนเองเวลาที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการให้เค้าทำให้เรา 
ร้อนหรือเย็น เบาหรือหนัก ทุกข์หรือสุข 
แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาให้เรามีความสุขกับการไม่คาดหวังมากขึ้นวันละน้อย ๆ ค่ะ

เหงา

มีใครรู้สึกว่าคนรักทิ้งให้เหงาเปล่าเปลี่ยว ไม่ใส่ใจแบบที่เราคิดว่าควรจะเป็น 
แล้วตัวเองกลับต้องมานั่งร้องไห้ ทุรนทุรายกับความคิดว่าเค้าไม่รักบ้างคะ ?

อาการน้อยใจคิดว่าเค้าไม่รัก อาการเรียกร้องหาความรักแบบที่ตนอยากได้ 
บางครั้งหากมองในมุมของผู้รับ มันอาจเป็นถ่านร้อน 
และเมือกเหนียวที่ทำให้อยากถอยหนีห่างออกมา

การกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง สงบ และสละออก 
น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะดับร้อนจากถ่าน และขัดฟอกเอาเมือกเหนียวนั้นออกได้

การหมั่นสวดมนต์อย่างตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงบทสั้น ๆ เช่น บทอิติปิโส 

ก็สามารถทำให้เราได้กลับมาสู่ใจตัวเอง 
ได้มีมุมสงบดับร้อนแม้มุมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็น่าจะช่วยคลายทุกข์ให้เบาบางไม่มากก็น้อย

การหมั่นทำทาน ไม่ว่ากับพระสงฆ์ หรือคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งเดรัจฉาน 

ก็คือการฝึกการสละออกไป 
หากในการทำทานนั้นได้ได้สังเกตดูและจดจำความสุขที่ได้จากการให้ 
และหมั่นอธิษฐานขอให้ตนได้สละความเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรัก 
สละความอยากได้นั่นอยากได้นี่จากอีกฝ่ายออกไป 
ก็จะทำให้เราลดความอยาก ลดการเรียกร้องจากอีกฝ่ายลงได้

ภาวะความสงบเย็น และเบาจากตัวเรา ไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันก็จะเห็นผล 

แต่ต้องเย็นและเบานานและมากพอ ที่อีกฝ่ายจะเห็น
ผลที่ได้ถ้าไม่เป็นการกลับมาใกล้ชิดของคนรัก 

ก็คงเป็นการเห็นทุกข์จากการมีคู่ที่ไม่เสมอกันและถอยห่างออกมาด้วยตนเองนั่นแล

ปลูก

การครองคู่คือการแบ่งปัน 
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าภายนอก 
แต่ยังรวมถึงสิ่งที่รู้สึกได้ด้วยใจภายในอีกด้วย ..ดังตฤณ

หากคิดจะรักแล้วไม่พูดไม่บอกให้อีกฝ่ายได้รู้ 
รู้ไหมว่านั่นอาจเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว 
ความรักควรออกมาให้เห็นทั้งทาง กาย วาจา และใจ 
อย่ามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้ และเข้าใจ 
เพราะในห้วงอารมณ์ของความรัก สติจะถดถอย เหตุผลจะลดลง 

ถ้าหากรัก จงบอกด้วยปาก ปฏิบัติด้วยกาย และหนักแน่นด้วยใจ
การพูดจาภาษาดอกไม้นับเป็นวจีกรรมอันดี
การโอบกอดคนรักด้วยความอ่อนโยนนับเป็นกายกรรมอันสวยงาม
การรักมั่นคงใจเดียวนับเป็นมโนกรรมที่ประเสริฐ
หมั่นตรวจสอบตนเองบ่อย ๆ ว่ามีความคิด 

การกระทำหรือคำพูดใดที่ทำร้ายอีกฝ่ายก็ควรจะค่อย ๆ ปรับปรุงซึ่งกันและกัน 
เพื่อให้ความรักเจริญงอกงามดุจต้นกล้าจะเติบโตได้ดีก็ต้องหมั่นกำจัดวัชพืช :) ♥

สร้างรัก

ความรู้สึกรักเป็นสิ่งที่จงใจสร้างไม่ได้ 
เพระเป็นภาวะธรรมชาติทางอารมณ์ที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยถึง 2 ประการประกอบกัน
1. ต้องเคยอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน
2. ต้องเกื้อกูลกันในปัจจุบันจึงจะรู้สึกเข้ากันและสนิทใจพอจะอยู่ด้วยกัน 
ตลอดจนเต็มใจสร้างเรื่องราวน่าประทับใจร่วมกัน

คุณจะไม่มีทางก่อร่างสร้างรากแห่งความรักขึ้นมาจากการคิดคดทรยศ 
หรือด้วยคำพูด่าทอทิ่มแทง หรือด้วยความประพฤตินอกใจ 
หรือด้วยการร่วมกันคดโกงคนอื่น หรือด้วยการร่วมกันสร้างความร้าวฉานขึ้นในสังคม 
รากของความรักต้องเกิดจากการสะสมอะไรดี ๆ ร่วมกัน ทั้งปัจจุบันและอดีตเท่านั้น

คู่มือกรรมพยากรณ์..ดังตฤณ

แล้วถ้าหากรัก ณ ตอนนี้มีบางเรื่องอาจจะดีไม่ดีเกิดขึ้น 

และมีบางครั้งเคยรับรู้ / ไปดูหมอมาว่าไม่ใช่คู่กันในอดีต 
อยากให้ตอนนี้คู่ที่มีดีขึ้นจะทำยังไง

เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่ทำปัจจุบันให้ดีได้จริงไหมคะ 

การเกื้อกูลกันในปัจจุบันให้มากจะทำให้ปัจจุบันความรักที่มีเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจค่ะ
การพากันไปทำบุญ พากันไปฟังธรรม เกื้อหนุนกันและกัน 

แม้จะไม่มีเวลาทำบุญด้วยแต่ก็พาไปส่งหรืออนุโมทนา ก็ถือเป็นสิ่งดี ๆ ที่ทำร่วมกัน 
คุณอาจจะไม่สามารถรั้งอดีตและไม่สามารถรู้อนาคต 
แต่ถ้าปัจจุับันสิ่งที่ทั้งสองคนทำร่วมกัน ส่งผลให้รู้สึกดีต่อกันและไม่มีอะไรมาทำให้บาดหมาง 
ก็คงจะยากที่จะอยากออกห่างแม้อดีต(ที่ไม่เคยคู่)จะส่งผล 
และถึงแม้สุดท้ายจะต้องแยกห่างจากกัน 
ก็จะเป็นการห่างจากกันด้วยรอยยิ้มและความเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล ^^

คุยกัน

ความรักไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากถ้อยคำ 
แต่มาจากความสบายใจที่สามารถคุยกันรู้เรื่องทุกคำ 
..รักแท้มีจริง ดังตฤณ

การคุยกันด้วยความสบายใจจะยิ่งเพิ่มความแนบแน่นในความรักมากขึ้นนะคะ 
ถ้าลองมาคิดดูว่าความสบายใจในการคุยกับคนรักนั้นมีอะไรบ้าง 
คิดว่าคำตอบก็คงออกมาหลากหลาย 
แต่ถ้าหากจะให้สรุปรวมนั้น ก็คงจะหมายถึง การคุยกันด้วยจิตใจเปิดกว้าง 
ไม่ตัดสินคำพูดของอีกฝ่ายจากมุมมองของตนเอง 
และการมีจิตใจหนักแน่นเมื่อได้ยินคำพูดที่สบ/ไม่สบอารมณ์อย่างมาก (ไม่ฟุ้งซ่าน)

หากใครมีลักษณะนิสัยและจิตที่เป็นแบบนี้ก็คงถือว่าเป็นโชคดีของคนรัก 

แต่ถ้าหากว่ามีน้อยหรือไม่มีเลย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะฝึกฝนนะคะ 
การหมั่นรู้หมั่นดูจิตใจตนเองจะทำให้เราได้ฝึกสังเกตค่ะ 
ว่าถ้าหากเราได้เจอสภาวะเดียวกับอีกฝ่าย หรือเจอคำพูดแบบเดียวกับอีกฝ่าย เรามีความรู้สึกยังไง 
และจะแสดงออกไปอย่างไรให้ดีต่อกันและกัน 
การคิดถึงใจเขาใจเรานั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ใจตัวเองก่อนนะคะ 
นั่นก็คือการหมั่นตามรู้ใจของตนเองในแต่ละวินาทีไป 
สักวันเราก็จะรู้ใจเขาได้ค่ะ และจะทำให้การใช้ชีวิต พูดคุยกัน เป็นไปอย่างตรงตามใจเขา 
ก็สบายใจกันทั้งสองฝ่าย จริงไหมคะ :) ♥

กรรมเหวี่ยง

ทราบไหมคะว่าคนที่เราคบกันอยู่นี้บุญกรรมอย่างไรจึงเหวี่ยงมาให้ได้รัก..
ความเสมอกันทั้ง 4 คือ ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ
คือสิ่งที่เหวี่ยงให้คนสองคนมาเจอกัน หากต่างมีความเสมอกันใน 4 สิ่งนี้ 
ย่อมทำให้ความรักนั้นดำเนินไปอย่างมีความสุข

ศีล คือ การปฏิบัติตน หากทั้งสองคนมีศีลเสมอกัน ย่อมเห็นจิตใจของกันและกัน 
เช่น ต่างคนต่างไม่รู้สึกผิดแปลกหากจะมีคนอื่น นี่ก็อยู่กันได้ 
แต่ก็อาจจะอยู่กันด้วยความสงสัยว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีใครอีกคนหรือไม่ 
แต่หากถือศีล 5 กันทั้งคู่นั่นคงจะอยู่กันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจและมีความสงบสบายอยู่ในความสัมพันธ์นั้น

ศรัทธา คือ ความเชื่อ เคารพในสิ่งที่ควรเคารพ 

หากฝ่ายหนึ่งศรัทธาลัทธิ อีกฝ่ายศรัทธาศาสนา(ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) 
แนวคิดแนวปฏิบัติตนในแต่ละวันคงจะแตกต่างกันออกไป ถึงดื้อจะอยู่กันก็คงมีความอึดอัดขัดข้อง 
หรือหากศรัทธากันไปในคนละเรื่องคนละด้าน 
ฝ่ายหนึ่งมีศีล 5 อีกฝ่ายฆ่าสัตว์เมาสุราไม่เว้นแต่ละวัน ก็คงจะอยู่กันยาก 
แต่ในส่วนนี้หากทั้งสองมีศรัทธาไปในทางด้านดี มีศีล ปัญญา จาคะเสมอกันดี ส่วนนี้อาจจะมีผลไม่มาก 
หากแต่การร่วมบุญกัน ความชื่นใจในการปฏิบัติร่วมกัน((เช่นตักบาตรร่วมกัน)อาจไม่เกิดขึ้นในชาตินี้ภพนี้

ปัญญา คือ ความคิดความเข้าใจในอีกฝ่าย การใช้ความเข้าใจกัน 

ใจเขาใจเรา น่าจะเป็นพื้นฐานทำให้ต่างคนต่างอยู่กันด้วยความรู้สึกดี 
หากคุยกันไปแล้วเข้าใจกันคนละอย่าง มีปัญหากันแล้วอธิบายแล้วกลับยิ่งแย่ 
แน่นอนว่า สิ่งนี้ย่อมบั่นทอนความรู้สึกดีเวลาที่อยู่ด้วย 
บางครั้งอาจจะทำให้อีกคนไม่อยากที่จะพูดอะไร กลายเป็นเลิกอธิบาย 
เมื่อมองว่าไร้ประโยชน์และจะยิ่งทะเลาะ 
นานวันเข้าความเข้าใจกันจะลดน้อยลงจนกลายเป็นความไม่เข้าใจไปก็ได้

จาคะ คือ ความเสียสละ นั่นคือเราเสียสละความโกรธ ความเกียจคร้าน 

เวลาส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย และสิ่งอื่น ๆ เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข 
เช่น เวลาคนรักมีปัญหาโทรมาหาในเวลาที่เรากำลังพักผ่อนก็ยอมลุกมานั่งฟังอย่างตั้งใจ
และมุ่งหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ 
หากต่างคนต่างไม่่มีเวลาเพื่อกันและกัน ไม่ได้ทำอะไรเพื่อกันและกัน 
ความแห้งแล้งในจิตใจย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดานะคะ

เมื่อพูดถึงเรื่องความเสมอแล้ว แสดงว่าถึงแม้ครบกันมาทั้ง 4 อย่างนี้เสมอกันแล้ว 

หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายในพัฒนาเรื่อง 4 เรื่องให้มากขึ้น เจริญเติบโตขึ้นแล้วอีกฝ่ายไม่มีการพัฒนาเลย 
สมดุลรักก็จะเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้บางครั้งก็อยู่ด้วยกันต่อไม่ได้นะคะ 
สิ่งที่ดีคือหากสมดุลกับคนไหนแล้ว ช่วยกันพัฒนาในทุก ๆ ด้าน 
ช่วยกันเจริญเติบโตก้าวหน้าก็จะทำให้รักยังสมดุลอยู่เสมอ

เช่นกันหากท่านใดมีรักที่ไม่มีสุขหรือยังไม่มีรัก หมั่นพัฒนาตนเองนะคะ 

เพราะเมื่อคุณพัฒนาตัวเองแล้ว สิ่งเหล่านี้จะนำพาให้คุณได้พบเจอกับคนที่สมดุลกับคุณเอง 
และแอ้นก็แน่ใจว่าคนที่มี 4 อย่างนี้ในระดับสูง คุณจะอยู่กับเค้าได้อย่างมีความสุขมากกว่าคนที่มี 4 สิ่งนี้น้อยกว่าค่ะ ♥ 
ลองดูกันนะคะ แม้กระทั่งตอนไม่มีใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ค่ะ ^^

ปัญหากับใจ

ระหว่างปัญหากับใจ สิ่งไหนเป็นสิ่งสำคัญระหว่างคนสองคนมากกว่ากันคะ..
ในระหว่างมีปัญหากันนั้น จิตใจเรามักจะมืดมิดเมามัวด้วยหมอกของอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ 
และมักจะเผลอพูดอะไรร้าย ๆ ที่ต้องทำให้มาสำนึกผิดหรือแก้ปัญหาในทีหลัง 

หากเรามีสติฝึกคิดบ่อย ๆ ว่า ที่เราคบกับคนคนนี้อยู่นั้น 
เราก็ตกลงใจว่าจะดูแลเค้าให้ดี ไม่อยากทำให้เสียใจ 
แล้วทำไมเล่าเมื่อมีปัญหาแทนที่เราจะมองไปที่ใจ 
กลับมุ่งเน้นพุ่งประเด็นไปที่เหตุผลและความถูกผิดของปัญหานั้น

ปัญหา ถ้ามันยังคงมีอยู่มันก็ไม่หายไปไหนนะคะ 

เช่นเดียวกับความถูกผิดซึ่งอยู่ในบรรทัดฐานของคนแต่ละคน 
เถียงหรือทะเลาะกันไปด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ปัญหาก็ยังคงค้างอยู่ที่เดิม 
ความคิดว่าใครถูกหรือผิดก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่เพิ่มมากลับเป็นอารมณ์ร้าย
ที่สาดเทเข้าหากันเหมือนสาดสีดำเข้าผ้าขาว และหัวใจที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูดตัดสินกันและกัน

ปล่อยให้ปัญหาค้างอยู่ก่อน แล้วหันกลับมาถนอมดูแลใจกันนะคะ

เลือกใช้คำพูดที่เป็นน้ำเย็นไม่ใช่น้ำร้อนเพื่อถอยออกห่างมาจากสภาวะมืดมนนั้น 
การรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเมื่อเรามีภาวะอารมณ์ที่รุนแรง 
และการควบคุมจิตใจไม่ให้มีไฟพวยพุ่งก็เช่นเดียวกันค่ะ

หากจะฝึกความใจเย็นให้เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหา 

แรกเริ่มควรเริ่มจากสิ่งที่คนอื่นมองเห็น นั้นคือการรักษาวาจา/กริยาไม่ให้ทำร้ายอีกฝ่าย 
หมั่นฝึกคิดตริตรองว่าคำพูด/การกระทำนั้นดีหรือร้าย ชะงักคำพูดไว้ก่อนออกมาจากปาก 
ชะงักท่าทางก่อนจะกระทำ หากไม่ดีก็หยุดพูดมันหยุดทำเสีย 
ฝึกบ่อย ๆ การกรองคำจากสมองก็จะเข้มแข็งไมพูดและทำอย่างใจคิด
แม้จะมีน้ำเดือดปุด ๆ อยู่ในสมองและหัวใจก็ตาม


เมื่อฝึกใช้คำพูดที่ดี การวางตัวที่ดีแม้ในเวลาที่ร้ายได้แล้ว 

ก็หันกลับมาถนอมสมองและหัวใจของตัวเอง 
หมั่นมีสติระลึกรู้กับสิ่งที่อยู่แต่งหรือคิดแทนอีกฝ่าย เปิดใจกว้างดูให้ครบทุกมุมมอง 
การคู่กันใจเขาใจเราเป็นสิ่งสำคัญนะคะ 
เรื่องข้อเท็จจริงอาจจะมีถูกผิดชี้สอนกันให้ถูกได้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานยืนยัน 
แต่ความคิดเห็นและความเข้าใจย่อมหาถูกผิดยากเป็นเรื่องของแนวคิดและมุมมองค่ะ

หากฝึกตัวด้วยการระงับคำพูดการกระทำ และฝึกคิดอย่างมีสติไม่ปรุงแต่งบ่อย ๆ เข้า 

เราจะมองเห็นเองว่า ปัญหามันไม่สำคัญอะไรเลย หัวใจของคนรักที่เราต้องถนอมสำคัญกว่า 
แล้วความรักร้อน ๆ จะกลายเป็นรักหวานเย็นได้ไม่ยากเลยค่ะ ♥