สวัสดีวันโกหก 1 เมษายน ค่ะ
มีใครชอบโกหกคนรักบ้างไหมคะ?
โกหกเล็กน้อย โกหกมาก โกหกเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย
โกหกเพื่อเอาตัวรอด โกหกเพื่อความสนุก
โกหกเพื่อให้รู้ว่าข้าเก่ง หลากหลายความคิดนะคะ
แต่สิ่งที่คุณจะได้จากการโกหก
คือใจที่ไม่ตรง บิดเบือนความจริงจากใจจากปากด้วยตัวของตัวเอง
เมื่อโกหกไปนานวันเข้า
ในกรณีที่ไม่มีใครจับได้ แต่จิตคุณจะจับได้
คุณจะเริ่มมองเห็นอะไรบิดเบือนไป คล้ายกับคำโกหกที่พูดออกมา
หรือใจจะยอมรับสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้ เพราะชอบบิดเบือนเสียจนชิน
ถ้าใครเข้าข่ายกรณีของการโกหกเหล่านี้
พยายามนะคะ
ความจริงแม้จะเจ็บปวดไปบ้าง แต่ระยะยาวคุณจะสบายกว่าแน่ ๆ
ส่วนใครที่ชอบโดนโกหกบ่อย ๆ
ก็อย่าเพิ่งเอาแต่โทษอีกฝ่ายนะคะ
หันกลับเข้ามาดูตัวเองว่า
เวลาีที่อีกฝ่ายบอกความจริง บอกตามตรงแล้ว
อาการที่เราแสดงออก เป็นอย่างไร
ทำให้อีกฝ่ายสบายใจที่จะบอกอะไรต่อมิอะไรกับเราหรือเปล่า
หรือมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์อะไร
ที่พูดย้ำพูดเตือนกันบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการทำผิด
พอเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมา ก็มักจะเป็นสิ่งที่ผู้กระทำ
รู้สึกว่าไม่อยากทำให้คนที่คาดหวังนั้นผิดหวัง
และเวลาฟังคำำจริง มันก็มักไม่ค่อยทำให้สบายใจสักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ
สำหรับทั้งสองฝ่าย
แอ้นคงจะแนะนำว่า
ฝึกใจให้รับได้กับคำจริง คำตรง ไม่บิดเบือน
และหมั่นสร้างเหตุของการไม่โกหก ยอมรับความจริงอย่างสบายใจ
ฝึกพูดความจริง โดยไม่ทำร้ายจิตใจใคร
รวมถึงไม่คาดหวังอะไรในตัวมนุษย์มากไปกว่า
ให้เค้าเป็นมนุษย์ที่มีความสุขในแบบของเค้า
และยอมรับในสิ่งที่ผู้อื่นกระทำโดยไม่ตัดสิน
เมื่อสร้างเหตุ ผลย่อมมี นั่นคือ
คุณจะรับได้กับความจริง และตัวเองก็ไม่ชอบบิดเบือนความจริง
สิ่งที่ดีคือ แม้จะต้องรู้ความจริงที่เจ็บปวด
คุณก็อาจจะไม่เจ็บปวด และไม่ถูกทำร้ายด้วยคำโกหกนั้น
อย่าอยากให้ใครต่อใครไม่โกหกคุณ
ตราบใดที่คุณยังโกหกใครต่อใครแม้กระทั่งตัวเอง
ยังยอมรับเข้ามาตรง ๆ ในจิตตนเองไม่ได้
ทางลัดของการฝึกโดยไม่ต้องมีใคร
คือการฝึกยอมรับกับจิตของตัวเอง
ว่า ณ ตอนนี้ ขณะแวบเห็นสิ่งต่าง ๆ ใจรู้สึกอย่างไร
ขณะมีคนมาปฏิัสัมพัทธ์กับคุณ ในแต่ละสถานการณ์คุณมีอารมณ์เช่นใด
ยอมรับ ยอมรู้ไปตามจริง
เห็นบ่อย ๆ คุณจะรับความจริงได้อย่างง่ายดายค่ะ
ขอให้เป็นวันโกหกที่ไม่โดนโกหกนะคะ ^^ <3 <3 <3
ค้นหาบล็อกนี้
วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556
บงการ
มีใครเป็นผู้ชอบบงการคนอื่นกันบ้างรึเปล่าคะ ?
คนเราชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นอย่างใจคิด
แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดได้อย่างที่ใจคิด
และจากที่เห็นมา
พวกเราชอบบังคับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน"
เพราะเหตุว่าพูดจาภาษาเดียวกัน
และจะคาดหวังมากว่า "คนรัก" จะเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องที่สุด
ทำได้ดังใจเรามากที่สุด
บางครั้งก็ลามไปถึงเดรัจฉานที่คาดเอาว่ามันจะรู้ภาษาเรา
เมื่อบังคับไม่ได้อย่างใจหวัง
ก็เกิดอารมณ์โกรธ น้อยใจ งอนและอีกมากมาย
บางครั้งกลายเป็นปัญหาทีใหญ่โต
ช่วงนี้เป็นเค้าชอบเล่นกันนะคะ
อย่าง เฟอร์บี้, ทามาก็อต, เกมส์เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักทั้งหลาย
เล่นไป ก็ไม่เห็นจะเคยได้ดังใจสักครั้ง
กลับเห็นเป็นเรื่องตลกและท้าทาย และอยากอยู่กับมันมากขึ้นไปอีก
เป็นเรื่องปกติของใจที่ไม่เคยฝึก
ชอบการบังคับขู่เข็ญ ตราบใดที่คนโดนไม่ใช่ตน!
และพอโดนบ้าง กลับไม่เคยรู้ตัวว่า เคยกระทำเหตุเช่นนี้มา
การโดนกับตัวให้ได้รับความรู้สึกเดียวกันย่อมเป็นผลของการกระทำนั้นเช่นกัน
หันกลับมามองดูใจตัวเองนะคะ
ลองบังคับตัวเองดู ให้เลิกโกรธ เลิกอยาก
แล้วจะทราบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับ
ถ้าบังคับใจตัวเองยังไม่ได้ เหตุใดจึงต้องไปบังคับใจคนอื่นเขา
หัดมองใจตัวเองบ่อย ๆ
จะได้รู้บ่อย ๆ ค่ะ ว่าเมื่อมีอะไรมากระทบ ตัวเรารู้สึกอย่างไร
แล้วบางครั้งจะรู้ว่า เมื่อเราทำสิ่งใดกับใครไปแล้ว
ใจเค้าจะมีความรู้สึกเช่นใด
แล้วการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราก็จะไม่ทำการกระทำนั้นด้วยเช่นกันค่ะ
ถ้าอยากบงการ
มาฝึกเป็นผู้บงการตนเองให้หมั่น ดู รู้ จิตกันเถอะค่ะ
โลกอุณหภูมิร้อน ๆ จะได้ไม่ทำให้ตัวเรากลายเป็นน้ำเดือดได้ง่ายดาย
คนเราชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นอย่างใจคิด
แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดได้อย่างที่ใจคิด
และจากที่เห็นมา
พวกเราชอบบังคับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน"
เพราะเหตุว่าพูดจาภาษาเดียวกัน
และจะคาดหวังมากว่า "คนรัก" จะเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องที่สุด
ทำได้ดังใจเรามากที่สุด
บางครั้งก็ลามไปถึงเดรัจฉานที่คาดเอาว่ามันจะรู้ภาษาเรา
เมื่อบังคับไม่ได้อย่างใจหวัง
ก็เกิดอารมณ์โกรธ น้อยใจ งอนและอีกมากมาย
บางครั้งกลายเป็นปัญหาทีใหญ่โต
ช่วงนี้เป็นเค้าชอบเล่นกันนะคะ
อย่าง เฟอร์บี้, ทามาก็อต, เกมส์เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักทั้งหลาย
เล่นไป ก็ไม่เห็นจะเคยได้ดังใจสักครั้ง
กลับเห็นเป็นเรื่องตลกและท้าทาย และอยากอยู่กับมันมากขึ้นไปอีก
เป็นเรื่องปกติของใจที่ไม่เคยฝึก
ชอบการบังคับขู่เข็ญ ตราบใดที่คนโดนไม่ใช่ตน!
และพอโดนบ้าง กลับไม่เคยรู้ตัวว่า เคยกระทำเหตุเช่นนี้มา
การโดนกับตัวให้ได้รับความรู้สึกเดียวกันย่อมเป็นผลของการกระทำนั้นเช่นกัน
หันกลับมามองดูใจตัวเองนะคะ
ลองบังคับตัวเองดู ให้เลิกโกรธ เลิกอยาก
แล้วจะทราบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับ
ถ้าบังคับใจตัวเองยังไม่ได้ เหตุใดจึงต้องไปบังคับใจคนอื่นเขา
หัดมองใจตัวเองบ่อย ๆ
จะได้รู้บ่อย ๆ ค่ะ ว่าเมื่อมีอะไรมากระทบ ตัวเรารู้สึกอย่างไร
แล้วบางครั้งจะรู้ว่า เมื่อเราทำสิ่งใดกับใครไปแล้ว
ใจเค้าจะมีความรู้สึกเช่นใด
แล้วการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราก็จะไม่ทำการกระทำนั้นด้วยเช่นกันค่ะ
ถ้าอยากบงการ
มาฝึกเป็นผู้บงการตนเองให้หมั่น ดู รู้ จิตกันเถอะค่ะ
โลกอุณหภูมิร้อน ๆ จะได้ไม่ทำให้ตัวเรากลายเป็นน้ำเดือดได้ง่ายดาย
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556
วิ่ง
เคยวิ่งตามคนรักจนเหนื่อยไหมคะ ?
บางครั้งเราอาจจะเคยรู้สึกว่า
ความรัก ณ ตอนนี้เราเป็นฝ่ายวิ่งตามอีกฝ่าย
จนกระทั่งรู้สึกว่า เหนื่อยเหลือเกิน
เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายให้เค้ามาตามไหมคะ ?
คิดว่าหลายคนคงเคยที่จะหยุด
เพราะเหนื่อยกับหลายสิ่งรอบตัว
แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใจมันรักเสียแล้ว
สังเกตไหมคะ
ที่เราวิ่งตามเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับเรา
วิ่งตามเพราะเค้าเหมือนห่างหาย
วิ่งตามเพราะกลัวที่จะสูญเสียเค้าไป
แต่วิ่งตามให้เหนื่อยจนท้อยังไง
ก็ไม่มีวันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอยู่
ตามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เคยถึงอยู่ดี
กลับมาตามหัวใจตัวเองดีไหมคะ
ตามรู้ในสิ่งที่อยู่กับตัวเรา
แล้วจะเห็นว่า
แค่ใจเรานั้น ก็เปลี่ยนแปลงไปได้วันนึงหลายอารมณ์หลายอย่าง
ใจเรานั้น บทจะคิด บทจะรู้สึกอะไร เราก็ห้ามมันไม่ได้
นอกจากเราจะเลิกวิ่งตามใจคนอื่นแล้ว
เรายังได้มารู้ใจตัวเองมากขึ้นด้วย
แล้วจะมองเห็นว่า แค่รู้ใจตัวเองก็ไม่ง่ายแล้ว
บังคับใจตัวเองยิ่งยากใหญ่
ประสาอะไรกับใจคนอื่น
วิ่งตามรู้ใจตัวเองนั้น ไม่เหนื่อยนะคะ :)
สิ่งที่ได้มาจะเป็นความสงบเย็น และเป็นเหมือนร่มไม้ใหญ่
ซึ่งทำให้ใครต่อใครอยากมาพักพิงใต้ร่มไม้นี้
ดีกว่าวิ่งเหนื่อยตามใครต่อใครตั้งหลายเท่าค่ะ <3 <3
บางครั้งเราอาจจะเคยรู้สึกว่า
ความรัก ณ ตอนนี้เราเป็นฝ่ายวิ่งตามอีกฝ่าย
จนกระทั่งรู้สึกว่า เหนื่อยเหลือเกิน
เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายให้เค้ามาตามไหมคะ ?
คิดว่าหลายคนคงเคยที่จะหยุด
เพราะเหนื่อยกับหลายสิ่งรอบตัว
แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใจมันรักเสียแล้ว
สังเกตไหมคะ
ที่เราวิ่งตามเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับเรา
วิ่งตามเพราะเค้าเหมือนห่างหาย
วิ่งตามเพราะกลัวที่จะสูญเสียเค้าไป
แต่วิ่งตามให้เหนื่อยจนท้อยังไง
ก็ไม่มีวันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอยู่
ตามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เคยถึงอยู่ดี
กลับมาตามหัวใจตัวเองดีไหมคะ
ตามรู้ในสิ่งที่อยู่กับตัวเรา
แล้วจะเห็นว่า
แค่ใจเรานั้น ก็เปลี่ยนแปลงไปได้วันนึงหลายอารมณ์หลายอย่าง
ใจเรานั้น บทจะคิด บทจะรู้สึกอะไร เราก็ห้ามมันไม่ได้
นอกจากเราจะเลิกวิ่งตามใจคนอื่นแล้ว
เรายังได้มารู้ใจตัวเองมากขึ้นด้วย
แล้วจะมองเห็นว่า แค่รู้ใจตัวเองก็ไม่ง่ายแล้ว
บังคับใจตัวเองยิ่งยากใหญ่
ประสาอะไรกับใจคนอื่น
วิ่งตามรู้ใจตัวเองนั้น ไม่เหนื่อยนะคะ :)
สิ่งที่ได้มาจะเป็นความสงบเย็น และเป็นเหมือนร่มไม้ใหญ่
ซึ่งทำให้ใครต่อใครอยากมาพักพิงใต้ร่มไม้นี้
ดีกว่าวิ่งเหนื่อยตามใครต่อใครตั้งหลายเท่าค่ะ <3 <3
วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556
บริหารเสน่ห์
ชอบบริหารเสน่ห์ไหมคะ ?
เสน่ห์บริหารได้ ถ้ายังโสด
แต่หากมีคนรักอยู่แล้ว เสน่ห์มีไว้ทำให้คนรักสบายใจนะคะ
การมีรักเดียวใจเดียวในคนมีคู่แล้ว
ถือเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่ทำให้ใครต่อใครสนใจในคุณ
และการยิ่งรักเดียวใจเดียวมากขึ้น
ไม่หวั่นไหวไปต่อสิ่งยั่วยุ
จะทำให้คุณเจอแต่รักที่ดี ไม่มีทำให้ช้ำใจ
เพราะอีกฝ่่ายมีคนอื่นด้วยเหตุผลเดียวกัน
หากใครมีคนรักที่ชอบบริหารเสน่ห์
อย่าพึ่งเศร้าใจไปนะคะ
นำความเจ็บที่ได้รับ มาใส่ไว้ในใจ
แล้วสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอย่างนี้
ไม่ว่าตัวเองจะโดนทรมาณทรกรรมอีกสักกี่ครั้ง
ไม่แน่ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คุณอาจเคยทำให้ใครเจ็บช้ำแบบที่คุณตั้งใจนิด ๆ แต่เค้ากลับเจ็บมาก
เช่นกัน ผลของกรรมนั้น อาจทำให้คุณเจ็บช้ำมาก
ทั้งที่อีกฝ่ายตั้งใจแค่นิดเดียว แค่เล่น ๆ
กรรมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมค่ะ
คุณเคยทำเหตุอย่างใดมา ผลจะได้รับไม่ต่างกัน
อดีตอาจเคยบริหารเสน่ห์จนทำคนเจ็บมาหลายคน
ปัจจุบันก็อาจจะต้องโดนอีกฝ่ายทำจนเจ็บได้
แต่หากใครไม่เคยทำไม่เคยเป็น แต่กลับโดนอย่างนี้
ก็ถือซะว่านี่คือบทเรียนของสิ่งที่เราไม่ควรปฏิบัติตาม
การบริหารเสน่ห์กับคนรักเป็นอย่างไร
นอกจากการรักเดียวใจเดียวแล้ว
การปรนนิบัติ เอาใจใส่ ทำสิ่งดี พูดสิ่งดีต่อกัน
หัดสังเกตสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไ่ม่ต้องมาก
หรือจะทำของทำมือน่ารัก การ์ดเล็ก ๆ สักใบ
ให้ความรักมีความหวานเบา ๆ ในทุกวัน
คุณก็จะมีเสน่ห์กับคนรักอยู่เรื่อย ๆ นะคะ
"ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม
ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป"
แค่นี้รักของคุณก็จะอบอุ่นเสมอค่ะ <3 <3 <3
สุขสันต์วันพระค่ะ
เสน่ห์บริหารได้ ถ้ายังโสด
แต่หากมีคนรักอยู่แล้ว เสน่ห์มีไว้ทำให้คนรักสบายใจนะคะ
การมีรักเดียวใจเดียวในคนมีคู่แล้ว
ถือเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่ทำให้ใครต่อใครสนใจในคุณ
และการยิ่งรักเดียวใจเดียวมากขึ้น
ไม่หวั่นไหวไปต่อสิ่งยั่วยุ
จะทำให้คุณเจอแต่รักที่ดี ไม่มีทำให้ช้ำใจ
เพราะอีกฝ่่ายมีคนอื่นด้วยเหตุผลเดียวกัน
หากใครมีคนรักที่ชอบบริหารเสน่ห์
อย่าพึ่งเศร้าใจไปนะคะ
นำความเจ็บที่ได้รับ มาใส่ไว้ในใจ
แล้วสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอย่างนี้
ไม่ว่าตัวเองจะโดนทรมาณทรกรรมอีกสักกี่ครั้ง
ไม่แน่ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คุณอาจเคยทำให้ใครเจ็บช้ำแบบที่คุณตั้งใจนิด ๆ แต่เค้ากลับเจ็บมาก
เช่นกัน ผลของกรรมนั้น อาจทำให้คุณเจ็บช้ำมาก
ทั้งที่อีกฝ่ายตั้งใจแค่นิดเดียว แค่เล่น ๆ
กรรมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมค่ะ
คุณเคยทำเหตุอย่างใดมา ผลจะได้รับไม่ต่างกัน
อดีตอาจเคยบริหารเสน่ห์จนทำคนเจ็บมาหลายคน
ปัจจุบันก็อาจจะต้องโดนอีกฝ่ายทำจนเจ็บได้
แต่หากใครไม่เคยทำไม่เคยเป็น แต่กลับโดนอย่างนี้
ก็ถือซะว่านี่คือบทเรียนของสิ่งที่เราไม่ควรปฏิบัติตาม
การบริหารเสน่ห์กับคนรักเป็นอย่างไร
นอกจากการรักเดียวใจเดียวแล้ว
การปรนนิบัติ เอาใจใส่ ทำสิ่งดี พูดสิ่งดีต่อกัน
หัดสังเกตสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไ่ม่ต้องมาก
หรือจะทำของทำมือน่ารัก การ์ดเล็ก ๆ สักใบ
ให้ความรักมีความหวานเบา ๆ ในทุกวัน
คุณก็จะมีเสน่ห์กับคนรักอยู่เรื่อย ๆ นะคะ
"ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม
ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป"
แค่นี้รักของคุณก็จะอบอุ่นเสมอค่ะ <3 <3 <3
สุขสันต์วันพระค่ะ
วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556
จาก
ถ้าคนที่เรารักหายไป
เราจะยังเสียใจอะไรไหมคะ ?
วันเวลาที่ยังมีกันอยู่ตรงนี้ บางคนกลับลืมไปว่าเวลามันก็ก้าวเดินของมันไป
บางคนคิดว่าจะเมื่อไหร่ ฉันก็ยังมีเธอ
บางคนคิดว่า เพิ่งจะได้อยู่กันไม่นาน รักกันไม่นาน โชคชะตาไม่พรากกันไปหรอก
บางคนคิดว่า อายุเพียงไม่มาก ยังไม่ล้มหายตายจากกันไปเร็วนักหรอก
แต่ชีวิตและกรรม ไม่เคยมีการเตือนล่วงหน้า
บทจะพราก บทจะทำให้ใครอีกคนจากไป
ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้เลยนะคะ
การทำกรรมดีให้อีกฝ่ายมีความสุข
การให้ความรักที่ดีอย่างที่เราคิดว่าอยากจะให้
การทำตัวน่ารัก ให้อีกฝ่ายสบายใจ
อย่าพึ่งคิดว่า เดี๋ยวค่อยทำ
เพราะคุณจะรู้สึกเสียดาย และเสียใจถ้าหากวันนั้นมาถึง
แต่หากจะให้เหนือกว่าไม่เสียดาย
ก็คือ ทำใจได้ และเข้าใจว่า มีพบย่อมมีพราก
ก็ต้องหมั่นชวนกันมีสติระลึกรู้นะคะ
สิ่งที่เห็นง่าย รู้ง่าย ก็คือลมหายใจ หรือว่ากายเรานี่แหล่ะที่่เดี๋ยวก็พบเดี๋ยวก็พราก
หายใจเข้ามา สักพักก็ต้องพ่นอากาศเดิมออกไป
นั่งอยู่ท่าเดิมสักพักนึง อีกเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนท่า
เรียกว่า ท่าเก่าไป ท่าใหม่มาก็ได้มั้ง :)
เห็นบ่อย ๆ ก็จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ว่าต้องพราก ต้องจากเช่นกัน
และเมื่อวันนั้นมาถึง คุณก็จะไม่รู้สึกว่าการจากเป็นเรื่องผิดปกติ
คุณจะไม่รู้สึกว่าการจากทำให้ใจคุณเป็นทุกข์และเสียดาย
ฝึกให้รู้จักการจากไป แล้วจะทำใจเป็นค่ะ <3 <3
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556
ร้าย
มีใครชอบทำตัวร้ายใส่คนรักบ้างคะ?
ไม่ว่าจะเพราะฟอร์มเยอะ เพราะกลัวเค้าจะไม่ฟัง
หรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม
คนรัก..คือคนที่เรารักนะคะ
การร้ายใส่กัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดจา การกระทำ
ไม่ว่าจะเล่น หรือจะจริง
ย่อมทำให้อีกฝ่ายเจ็บไม่มากก็น้อย
การดูแลทะนุถนอมความรักเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าอยากจะรักกันให้นาน หรือไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป
บางคนอาจมีความคิดว่า
การทำให้กลัว การทำให้อีกฝ่ายไม่กล้า
จะทำให้เราควบคุม หรือจัดการความสัมพันธ์นั้นได้
แต่รู้ใช่ไหมคะ
ว่าการที่โดนเป็นฝ่ายกระทำเสมอ และรู้สึกว่าตนเองโดนทำร้ายตลอด
จะยิ่งเร่งให้ความสัมพันธ์นั้นจบเร็วขึ้น
สมมติว่าตอนเรียน เราโดนบังคับเรียนวิชานั้น
แม้จะชอบขนาดไหน แต่ผู้สอนกลับบังคับให้ทำทุกอย่าง
พอเรียนจบ เผลอ ๆ อาจจะไม่ยุ่งกับวิชานั้นอีก
หรือไม่อยากเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ อีกตลอดไป
ก็เช่นเดียวกันกับหัวใจคนค่ะ
คำหวาน กระทำอบอุ่น มีช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์กับคนที่เชื่อใจได้
ย่อมจะทำให้ความรักนั้น เบา สบาย และหอมนุ่มเหมือนดอกไม้ในป่า
เมื่อแห้งแล้ว ก็จะผลิดอกออกใบมาใหม่
ต่างจากการกักขัง ทำร้ายหน่วงเหนี่ยวหัวใจ
เช่นกับตัดดอกไม้มาใส่แจกัน แห้งแล้ว ตายแล้ว ก็ลงขยะอย่างเดียวเลยนะคะ
ขอให้ดูแลความรัก กระทำต่อคนรัก เหมือนที่อยากให้เค้ากระทำกับเรา
แล้วจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสุข
และความรักก็จะดีงามเสมอคะ
<3 <3
ไม่ว่าจะเพราะฟอร์มเยอะ เพราะกลัวเค้าจะไม่ฟัง
หรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม
คนรัก..คือคนที่เรารักนะคะ
การร้ายใส่กัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดจา การกระทำ
ไม่ว่าจะเล่น หรือจะจริง
ย่อมทำให้อีกฝ่ายเจ็บไม่มากก็น้อย
การดูแลทะนุถนอมความรักเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าอยากจะรักกันให้นาน หรือไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป
บางคนอาจมีความคิดว่า
การทำให้กลัว การทำให้อีกฝ่ายไม่กล้า
จะทำให้เราควบคุม หรือจัดการความสัมพันธ์นั้นได้
แต่รู้ใช่ไหมคะ
ว่าการที่โดนเป็นฝ่ายกระทำเสมอ และรู้สึกว่าตนเองโดนทำร้ายตลอด
จะยิ่งเร่งให้ความสัมพันธ์นั้นจบเร็วขึ้น
สมมติว่าตอนเรียน เราโดนบังคับเรียนวิชานั้น
แม้จะชอบขนาดไหน แต่ผู้สอนกลับบังคับให้ทำทุกอย่าง
พอเรียนจบ เผลอ ๆ อาจจะไม่ยุ่งกับวิชานั้นอีก
หรือไม่อยากเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ อีกตลอดไป
ก็เช่นเดียวกันกับหัวใจคนค่ะ
คำหวาน กระทำอบอุ่น มีช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์กับคนที่เชื่อใจได้
ย่อมจะทำให้ความรักนั้น เบา สบาย และหอมนุ่มเหมือนดอกไม้ในป่า
เมื่อแห้งแล้ว ก็จะผลิดอกออกใบมาใหม่
ต่างจากการกักขัง ทำร้ายหน่วงเหนี่ยวหัวใจ
เช่นกับตัดดอกไม้มาใส่แจกัน แห้งแล้ว ตายแล้ว ก็ลงขยะอย่างเดียวเลยนะคะ
ขอให้ดูแลความรัก กระทำต่อคนรัก เหมือนที่อยากให้เค้ากระทำกับเรา
แล้วจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสุข
และความรักก็จะดีงามเสมอคะ
<3 <3
วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556
หลักรัก
หลักรักแท้ตามพุทธศาสนามี 4 คุณลักษณะก็คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
เมตตา คือ ความปรารถนาที่จะทำให้ผู้อื่นอยู่เป็นสุข
แต่ในเรื่องของความรัก ความเมตตายังหมายถึงความสามารถที่เราจะมอบความเบิกบานและความสุ ข
ให้กับคนที่เรารัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักคนคนนี้
แต่รักที่เรามีอาจจะทำให้เค้าเป็นทุกข์ก็ได้
กรุณา คือ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
สำหรับในเรื่องความรัก คือ การแบ่งเบาความทุกข์ของคนรักได้อย่างแท้จริง นั่นเอง
มุทิตา คือ ความสุขใจและเบิกบานใจกับความรั กของคนทั้งสองคน
ถ้าต่างคนต่างต้องร้องไห้ หรือมีใครต้องร้องไห้เพราะใครอี กคน
นั่นคงจะไม่ใช่ความรักที่เราต้อ งการกันจริงไหมคะ ^^
อุเบกขา คือ การมอบพื้นที่ว่างในหัวใจให้กัน และกันอย่างมีความสุข
ให้อิสระต่อกันอย่างเบิกบานและส ามารถไว้ใจกันและกันได้ อย่างแท้จริง
การที่เราจะสามารถมอบ 4 อย่างนี้ให้กับคนรักของเรา
เราจำเป็นต้องหัดมองคนรักของเรา ลึกเข้าไปภายใน
มองให้เห็นถึงปัญหาและความรู้สึ ก ความอยากของอีกฝ่ายที่อาจจะเก็บ ไว้อย่างมิดชิด
และการที่เราจะมองเข้าไปแบบนั้น ได้เราต้องมีเวลาที่จะเฝ้ามอง สังเกต ใส่ใจคนรักของเรา
เพื่อที่เราจะได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่หล่อหลอมคนรักของเราให้เป็นแ บบนั้น
เมื่อเรารู้เราก็จะสามารถมอบควา มรักที่ดีให้กับคนรักของเราได้ดีขึ้นทีละนิด ทีละนิด ♥
เนื้อหาส่วนใหญ่จากหนังสือ // รักแท้ * ติช นัท ฮันห์
เมตตา คือ ความปรารถนาที่จะทำให้ผู้อื่นอยู่เป็นสุข
แต่ในเรื่องของความรัก ความเมตตายังหมายถึงความสามารถที่เราจะมอบความเบิกบานและความสุ
ให้กับคนที่เรารัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักคนคนนี้
แต่รักที่เรามีอาจจะทำให้เค้าเป็นทุกข์ก็ได้
กรุณา คือ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
สำหรับในเรื่องความรัก คือ การแบ่งเบาความทุกข์ของคนรักได้อย่างแท้จริง
มุทิตา คือ ความสุขใจและเบิกบานใจกับความรั
ถ้าต่างคนต่างต้องร้องไห้ หรือมีใครต้องร้องไห้เพราะใครอี
นั่นคงจะไม่ใช่ความรักที่เราต้อ
อุเบกขา คือ การมอบพื้นที่ว่างในหัวใจให้กัน
ให้อิสระต่อกันอย่างเบิกบานและส
การที่เราจะสามารถมอบ 4 อย่างนี้ให้กับคนรักของเรา
เราจำเป็นต้องหัดมองคนรักของเรา
มองให้เห็นถึงปัญหาและความรู้สึ
และการที่เราจะมองเข้าไปแบบนั้น
เพื่อที่เราจะได้เข้าใจสิ่งต่าง
เมื่อเรารู้เราก็จะสามารถมอบควา
เนื้อหาส่วนใหญ่จากหนังสือ // รักแท้ * ติช นัท ฮันห์
ฆราวาสธรรม 4
การใช้ชีวิตคู่นั้น ในทางธรรมก็มีหลักที่คงเคยได้ยิ นกันมานะคะ
นั่นก็คือหลัก ฆราวาสธรรม 4 ซึ่งเป็นหลักที่ใช้สำหรับการครอ งเรือน
นอกเหนือไปจากคุณลักษณะ 4 ประการที่เคยพูดถึงไปแล้ว
ฆราวาสธรรม 4 ประกอบไปด้วย
สัจจะ ก็คือ การพูดเรื่องจริง ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อคนรักของตนเอง
ทมะ คือ การปรับตัว ข่มใจ ปรับปรุงนิสัยให้อยู่ในความพึงใ จของกันและกัน
ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนนึงเป็นคนปรับ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ปัญญาในการมองคนรักอย่างลึกซึ่ง
ไม่ใช่ปรับตามที่ตนเองคิด แต่ปรับเพื่อให้คนรักของเราสบาย ใจและมีความสุข
ขันติ คือ การมีความอดทนอดกลั้ันต่อเรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่พึงใจ หรือเรื่องใหญ่ที่เป็นปัญหาร้าย แรง
อดทนต่อการยั่วยุจากสิ่งเร้าต่า ง ๆ รอบกายที่อาจจะทำให้คนรักของเรา ไม่สบายใจ
จาคะ คือ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะอย่า งยิ่งกับคนรัก
เห็นแก่เค้ามากกว่าเห็นแก่เรา เข้าใจเค้ามากกว่าเอาตามใจเรา
ฟังดูแล้วหลักการนี้ก็ดูจะไม่ยา ก แต่ก็ไม่ง่ายนักนะคะ
เพราะไม่ใช่จะทุกคู่ที่ต่างคนต่ างมอบฆราวาสธรรม 4 ให้แก่กัน
ถ้าหากใครที่มีคู่แล้วเป็นแบบนี้ก็อนุโมทนา
แต่ถ้าหากท่านใดยังห่างไกลนัก ลองมาปฏิบัติฆราวาสธรรม 4
โดยไม่ต้องหวังว่าอีกฝ่ายจะต้อง ทำแบบนี้ตอบแทนดีไหมคะ
อาจจะทำให้ความคาดหวังที่มีลดลง ใจจะเบาและสบายขึ้น
แต่การลดความคาดหวังนั้นไม่ใช่เ รื่องที่คิดว่าจะทำก็ทำได้
ย่อมต้องเกิดจากการฝึกฝนที่จะเห็นความคาดหวังของตัวเองก่อนนะคะ
แล้วค่อย ๆ ลดความคาดหวังนั้นลงไป
หมั่นสังเกตจิตใจของตนเองเวลาที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการให้เค้าทำ ให้เรา
ร้อนหรือเย็น เบาหรือหนัก ทุกข์หรือสุข
แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาให้เรามีความสุขกั บการไม่คาดหวังมากขึ้นวันละน้อย ๆ ค่ะ
นั่นก็คือหลัก ฆราวาสธรรม 4 ซึ่งเป็นหลักที่ใช้สำหรับการครอ
นอกเหนือไปจากคุณลักษณะ 4 ประการที่เคยพูดถึงไปแล้ว
ฆราวาสธรรม 4 ประกอบไปด้วย
สัจจะ ก็คือ การพูดเรื่องจริง ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อคนรักของตนเอง
ทมะ คือ การปรับตัว ข่มใจ ปรับปรุงนิสัยให้อยู่ในความพึงใ
ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนนึงเป็นคนปรับ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ปัญญาในการมองคนรักอย่างลึกซึ่ง
ไม่ใช่ปรับตามที่ตนเองคิด แต่ปรับเพื่อให้คนรักของเราสบาย
ขันติ คือ การมีความอดทนอดกลั้ันต่อเรื่อง
อดทนต่อการยั่วยุจากสิ่งเร้าต่า
จาคะ คือ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะอย่า
เห็นแก่เค้ามากกว่าเห็นแก่เรา เข้าใจเค้ามากกว่าเอาตามใจเรา
ฟังดูแล้วหลักการนี้ก็ดูจะไม่ยา
เพราะไม่ใช่จะทุกคู่ที่ต่างคนต่
ถ้าหากใครที่มีคู่แล้วเป็นแบบนี้ก็อนุโมทนา
แต่ถ้าหากท่านใดยังห่างไกลนัก ลองมาปฏิบัติฆราวาสธรรม 4
โดยไม่ต้องหวังว่าอีกฝ่ายจะต้อง
อาจจะทำให้ความคาดหวังที่มีลดลง
แต่การลดความคาดหวังนั้นไม่ใช่เ
ย่อมต้องเกิดจากการฝึกฝนที่จะเห็นความคาดหวังของตัวเองก่อนนะคะ
แล้วค่อย ๆ ลดความคาดหวังนั้นลงไป
หมั่นสังเกตจิตใจของตนเองเวลาที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการให้เค้าทำ
ร้อนหรือเย็น เบาหรือหนัก ทุกข์หรือสุข
แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาให้เรามีความสุขกั
เหงา
มีใครรู้สึกว่าคนรักทิ้งให้เหงา เปล่าเปลี่ยว ไม่ใส่ใจแบบที่เราคิดว่าควรจะเป็น
แล้วตัวเองกลับต้องมานั่งร้องไห้ ทุรนทุรายกับความคิดว่าเค้าไม่ร ักบ้างคะ ?
อาการน้อยใจคิดว่าเค้าไม่รัก อาการเรียกร้องหาความรักแบบที่ต นอยากได้
บางครั้งหากมองในมุมของผู้รับ มันอาจเป็นถ่านร้อน
และเมือกเหนียวที่ทำให้อยากถอยห นีห่างออกมา
การกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้ จริง สงบ และสละออก
น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะดับร้อ นจากถ่าน และขัดฟอกเอาเมือกเหนียวนั้นออกได้
การหมั่นสวดมนต์อย่างตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงบทสั้น ๆ เช่น บทอิติปิโส
ก็สามารถทำให้เราได้กลับมาสู่ใจ ตัวเอง
ได้มีมุมสงบดับร้อนแม้มุมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็น่าจะช่วยคลายทุกข์ให้เบาบางไ ม่มากก็น้อย
การหมั่นทำทาน ไม่ว่ากับพระสงฆ์ หรือคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งเดรัจฉาน
ก็คือการฝึกการสละออกไป
หากในการทำทานนั้นได้ได้สังเกตดูและจดจำความสุขที่ได้จากการให้
และหมั่นอธิษฐานขอให้ตนได้สละคว ามเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่นโดยเฉพาะอย่า งยิ่งกับคนรัก
สละความอยากได้นั่นอยากได้นี่จา กอีกฝ่ายออกไป
ก็จะทำให้เราลดความอยาก ลดการเรียกร้องจากอีกฝ่ายลงได้
ภาวะความสงบเย็น และเบาจากตัวเรา ไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันก็จะเห็น ผล
แต่ต้องเย็นและเบานานและมากพอ ที่อีกฝ่ายจะเห็น
ผลที่ได้ถ้าไม่เป็นการกลับมาใกล้ชิดของคนรัก
ก็คงเป็นการเห็นทุกข์จากการมีคู่ที่ไม่เสมอกันและถอยห่างออกมาด้วยตนเองนั่นแล
แล้วตัวเองกลับต้องมานั่งร้องไห้ ทุรนทุรายกับความคิดว่าเค้าไม่ร
อาการน้อยใจคิดว่าเค้าไม่รัก อาการเรียกร้องหาความรักแบบที่ต
บางครั้งหากมองในมุมของผู้รับ มันอาจเป็นถ่านร้อน
และเมือกเหนียวที่ทำให้อยากถอยห
การกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้
น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะดับร้อ
การหมั่นสวดมนต์อย่างตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงบทสั้น ๆ เช่น บทอิติปิโส
ก็สามารถทำให้เราได้กลับมาสู่ใจ
ได้มีมุมสงบดับร้อนแม้มุมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็น่าจะช่วยคลายทุกข์ให้เบาบางไ
การหมั่นทำทาน ไม่ว่ากับพระสงฆ์ หรือคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งเดรัจฉาน
ก็คือการฝึกการสละออกไป
หากในการทำทานนั้นได้ได้สังเกตดูและจดจำความสุขที่ได้จากการให้
และหมั่นอธิษฐานขอให้ตนได้สละคว
สละความอยากได้นั่นอยากได้นี่จา
ก็จะทำให้เราลดความอยาก ลดการเรียกร้องจากอีกฝ่ายลงได้
ภาวะความสงบเย็น และเบาจากตัวเรา ไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันก็จะเห็น
แต่ต้องเย็นและเบานานและมากพอ ที่อีกฝ่ายจะเห็น
ผลที่ได้ถ้าไม่เป็นการกลับมาใกล้ชิดของคนรัก
ก็คงเป็นการเห็นทุกข์จากการมีคู่ที่ไม่เสมอกันและถอยห่างออกมาด้วยตนเองนั่นแล
ปลูก
การครองคู่คือการแบ่งปัน
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่ าภายนอก
แต่ยังรวมถึงสิ่งที่รู้สึกได้ด้ วยใจภายในอีกด้วย ..ดังตฤณ
หากคิดจะรักแล้วไม่พูดไม่บอกให้ อีกฝ่ายได้รู้
รู้ไหมว่านั่นอาจเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ความรักควรออกมาให้เห็นทั้งทาง กาย วาจา และใจ
อย่ามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้ และเข้าใจ
เพราะในห้วงอารมณ์ของความรัก สติจะถดถอย เหตุผลจะลดลง
ถ้าหากรัก จงบอกด้วยปาก ปฏิบัติด้วยกาย และหนักแน่นด้วยใจ
การพูดจาภาษาดอกไม้นับเป็นวจีกร รมอันดี
การโอบกอดคนรักด้วยความอ่อนโยนนับเป็นกายกรรมอันสวยงาม
การรักมั่นคงใจเดียวนับเป็นมโนก รรมที่ประเสริฐ
หมั่นตรวจสอบตนเองบ่อย ๆ ว่ามีความคิด
การกระทำหรือคำพูดใดที่ทำร้ายอี กฝ่ายก็ควรจะค่อย ๆ ปรับปรุงซึ่งกันและกัน
เพื่อให้ความรักเจริญงอกงามดุจต้นกล้าจะเติบโตได้ดีก็ต้องหมั่น กำจัดวัชพืช :) ♥
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่
แต่ยังรวมถึงสิ่งที่รู้สึกได้ด้
หากคิดจะรักแล้วไม่พูดไม่บอกให้
รู้ไหมว่านั่นอาจเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ความรักควรออกมาให้เห็นทั้งทาง กาย วาจา และใจ
อย่ามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้ และเข้าใจ
เพราะในห้วงอารมณ์ของความรัก สติจะถดถอย เหตุผลจะลดลง
ถ้าหากรัก จงบอกด้วยปาก ปฏิบัติด้วยกาย และหนักแน่นด้วยใจ
การพูดจาภาษาดอกไม้นับเป็นวจีกร
การโอบกอดคนรักด้วยความอ่อนโยนนับเป็นกายกรรมอันสวยงาม
การรักมั่นคงใจเดียวนับเป็นมโนก
หมั่นตรวจสอบตนเองบ่อย ๆ ว่ามีความคิด
การกระทำหรือคำพูดใดที่ทำร้ายอี
เพื่อให้ความรักเจริญงอกงามดุจต้นกล้าจะเติบโตได้ดีก็ต้องหมั่น
สร้างรัก
ความรู้สึกรักเป็นสิ่งที่จงใจสร้างไม่ได้
เพระเป็นภาวะธรรมชาติทางอารมณ์ที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยถึง 2 ประการประกอบกัน
1. ต้องเคยอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน
2. ต้องเกื้อกูลกันในปัจจุบันจึงจ ะรู้สึกเข้ากันและสนิทใจพอจะอยู่ด้วยกัน
ตลอดจนเต็มใจสร้างเรื่องราวน่าป ระทับใจร่วมกัน
คุณจะไม่มีทางก่อร่างสร้างรากแห่งความรักขึ้นมาจากการคิดคดทรยศ
หรือด้วยคำพูด่าทอทิ่มแทง หรือด้วยความประพฤตินอกใจ
หรือด้วยการร่วมกันคดโกงคนอื่น หรือด้วยการร่วมกันสร้างความร้า วฉานขึ้นในสังคม
รากของความรักต้องเกิดจากการสะส มอะไรดี ๆ ร่วมกัน ทั้งปัจจุบันและอดีตเท่านั้น
คู่มือกรรมพยากรณ์..ดังตฤณ
แล้วถ้าหากรัก ณ ตอนนี้มีบางเรื่องอาจจะดีไม่ดีเ กิดขึ้น
และมีบางครั้งเคยรับรู้ / ไปดูหมอมาว่าไม่ใช่คู่กันในอดีต
อยากให้ตอนนี้คู่ที่มีดีขึ้นจะท ำยังไง
เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่ทำปัจจุบันให้ดีได้จริงไหมคะ
การเกื้อกูลกันในปัจจุบันให้มาก จะทำให้ปัจจุบันความรักที่มีเป็ นสิ่งที่น่าชื่นใจค่ะ
การพากันไปทำบุญ พากันไปฟังธรรม เกื้อหนุนกันและกัน
แม้จะไม่มีเวลาทำบุญด้วยแต่ก็พ าไปส่งหรืออนุโมทนา ก็ถือเป็นสิ่งดี ๆ ที่ทำร่วมกัน
คุณอาจจะไม่สามารถรั้งอดีตและไม่สามารถรู้อนาคต
แต่ถ้าปัจจุับันสิ่งที่ทั้งสองค นทำร่วมกัน ส่งผลให้รู้สึกดีต่อกันและไม่มี อะไรมาทำให้บาดหมาง
ก็คงจะยากที่จะอยากออกห่างแม้อดีต(ที่ไม่เคยคู่)จะส่งผล
และถึงแม้สุดท้ายจะต้องแยกห่างจ ากกัน
ก็จะเป็นการห่างจากกันด้วยรอยยิ้มและความเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล ^^
เพระเป็นภาวะธรรมชาติทางอารมณ์ที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยถึง 2 ประการประกอบกัน
1. ต้องเคยอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน
2. ต้องเกื้อกูลกันในปัจจุบันจึงจ
ตลอดจนเต็มใจสร้างเรื่องราวน่าป
คุณจะไม่มีทางก่อร่างสร้างรากแห่งความรักขึ้นมาจากการคิดคดทรยศ
หรือด้วยคำพูด่าทอทิ่มแทง หรือด้วยความประพฤตินอกใจ
หรือด้วยการร่วมกันคดโกงคนอื่น หรือด้วยการร่วมกันสร้างความร้า
รากของความรักต้องเกิดจากการสะส
คู่มือกรรมพยากรณ์..ดังตฤณ
แล้วถ้าหากรัก ณ ตอนนี้มีบางเรื่องอาจจะดีไม่ดีเ
และมีบางครั้งเคยรับรู้ /
อยากให้ตอนนี้คู่ที่มีดีขึ้นจะท
เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่ทำปัจจุบันให้ดีได้จริงไหมคะ
การเกื้อกูลกันในปัจจุบันให้มาก
การพากันไปทำบุญ พากันไปฟังธรรม เกื้อหนุนกันและกัน
แม้จะไม่มีเวลาทำบุญด้วยแต่ก็พ
คุณอาจจะไม่สามารถรั้งอดีตและไม่สามารถรู้อนาคต
แต่ถ้าปัจจุับันสิ่งที่ทั้งสองค
ก็คงจะยากที่จะอยากออกห่างแม้อดีต(ที่ไม่เคยคู่)จะส่งผล
และถึงแม้สุดท้ายจะต้องแยกห่างจ
ก็จะเป็นการห่างจากกันด้วยรอยยิ้มและความเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล ^^
คุยกัน
ความรักไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากถ้อยคำ
แต่มาจากความสบายใจที่สามารถคุย กันรู้เรื่องทุกคำ
..รักแท้มีจริง ดังตฤณ
การคุยกันด้วยความสบายใจจะยิ่งเ พิ่มความแนบแน่นในความรักมากขึ้ นนะคะ
ถ้าลองมาคิดดูว่าความสบายใจในกา รคุยกับคนรักนั้นมีอะไรบ้าง
คิดว่าคำตอบก็คงออกมาหลากหลาย
แต่ถ้าหากจะให้สรุปรวมนั้น ก็คงจะหมายถึง การคุยกันด้วยจิตใจเปิดกว้าง
ไม่ตัดสินคำพูดของอีกฝ่ายจากมุม มองของตนเอง
และการมีจิตใจหนักแน่นเมื่อได้ยินคำพูดที่สบ/ ไม่สบอารมณ์อย่างมาก (ไม่ฟุ้งซ่าน)
หากใครมีลักษณะนิสัยและจิตที่เป็นแบบนี้ก็คงถือว่าเป็นโชคดีของ คนรัก
แต่ถ้าหากว่ามีน้อยหรือไม่มีเลย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะฝึกฝน นะคะ
การหมั่นรู้หมั่นดูจิตใจตนเองจะ ทำให้เราได้ฝึกสังเกตค่ะ
ว่าถ้าหากเราได้เจอสภาวะเดียวกั บอีกฝ่าย หรือเจอคำพูดแบบเดียวกับอีกฝ่าย เรามีความรู้สึกยังไง
และจะแสดงออกไปอย่างไรให้ดีต่อกันและกัน
การคิดถึงใจเขาใจเรานั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ใจตัวเองก่อน นะคะ
นั่นก็คือการหมั่นตามรู้ใจของตน เองในแต่ละวินาทีไป
สักวันเราก็จะรู้ใจเขาได้ค่ะ และจะทำให้การใช้ชีวิต พูดคุยกัน เป็นไปอย่างตรงตามใจเขา
ก็สบายใจกันทั้งสองฝ่าย จริงไหมคะ :) ♥
แต่มาจากความสบายใจที่สามารถคุย
..รักแท้มีจริง ดังตฤณ
การคุยกันด้วยความสบายใจจะยิ่งเ
ถ้าลองมาคิดดูว่าความสบายใจในกา
คิดว่าคำตอบก็คงออกมาหลากหลาย
แต่ถ้าหากจะให้สรุปรวมนั้น ก็คงจะหมายถึง การคุยกันด้วยจิตใจเปิดกว้าง
ไม่ตัดสินคำพูดของอีกฝ่ายจากมุม
และการมีจิตใจหนักแน่นเมื่อได้ยินคำพูดที่สบ/
หากใครมีลักษณะนิสัยและจิตที่เป็นแบบนี้ก็คงถือว่าเป็นโชคดีของ
แต่ถ้าหากว่ามีน้อยหรือไม่มีเลย
การหมั่นรู้หมั่นดูจิตใจตนเองจะ
ว่าถ้าหากเราได้เจอสภาวะเดียวกั
และจะแสดงออกไปอย่างไรให้ดีต่อกันและกัน
การคิดถึงใจเขาใจเรานั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ใจตัวเองก่อน
นั่นก็คือการหมั่นตามรู้ใจของตน
สักวันเราก็จะรู้ใจเขาได้ค่ะ และจะทำให้การใช้ชีวิต พูดคุยกัน เป็นไปอย่างตรงตามใจเขา
ก็สบายใจกันทั้งสองฝ่าย จริงไหมคะ :) ♥
กรรมเหวี่ยง
ทราบไหมคะว่าคนที่เราคบกันอยู่นี้บุญกรรมอย่างไรจึงเหวี่ยงมาให้ไ ด้รัก..
ความเสมอกันทั้ง 4 คือ ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ
คือสิ่งที่เหวี่ยงให้คนสองคนมาเ จอกัน หากต่างมีความเสมอกันใน 4 สิ่งนี้
ย่อมทำให้ความรักนั้นดำเนินไปอย ่างมีความสุข
ศีล คือ การปฏิบัติตน หากทั้งสองคนมีศีลเสมอกัน ย่อมเห็นจิตใจของกันและกัน
เช่น ต่างคนต่างไม่รู้สึกผิดแปลกหากจ ะมีคนอื่น นี่ก็อยู่กันได้
แต่ก็อาจจะอยู่กันด้วยความสงสัย ว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีใครอีกคนหรือไม่
แต่หากถือศีล 5 กันทั้งคู่นั่นคงจะอยู่กันด้วยค วามไว้เนื้อเชื่อใจและมีความสงบ สบายอยู่ในความสัมพันธ์นั้น
ศรัทธา คือ ความเชื่อ เคารพในสิ่งที่ควรเคารพ
หากฝ่ายหนึ่งศรัทธาลัทธิ อีกฝ่ายศรัทธาศาสนา(ไม่ว่าศาสนา ใดก็ตาม)
แนวคิดแนวปฏิบัติตนในแต่ละวันคง จะแตกต่างกันออกไป ถึงดื้อจะอยู่กันก็คงมีความอึดอัดขัดข้อง
หรือหากศรัทธากันไปในคนละเรื่อง คนละด้าน
ฝ่ายหนึ่งมีศีล 5 อีกฝ่ายฆ่าสัตว์เมาสุราไม่เว้นแ ต่ละวัน ก็คงจะอยู่กันยาก
แต่ในส่วนนี้หากทั้งสองมีศรัทธา ไปในทางด้านดี มีศีล ปัญญา จาคะเสมอกันดี ส่วนนี้อาจจะมีผลไม่มาก
หากแต่การร่วมบุญกัน ความชื่นใจในการปฏิบัติร่วมกัน( (เช่นตักบาตรร่วมกัน)อาจไม่เกิด ขึ้นในชาตินี้ภพนี้
ปัญญา คือ ความคิดความเข้าใจในอีกฝ่าย การใช้ความเข้าใจกัน
ใจเขาใจเรา น่าจะเป็นพื้นฐานทำให้ต่างคนต่า งอยู่กันด้วยความรู้สึกดี
หากคุยกันไปแล้วเข้าใจกันคนละอย่าง มีปัญหากันแล้วอธิบายแล้วกลับยิ่งแย่
แน่นอนว่า สิ่งนี้ย่อมบั่นทอนความรู้สึกดี เวลาที่อยู่ด้วย
บางครั้งอาจจะทำให้อีกคนไม่อยาก ที่จะพูดอะไร กลายเป็นเลิกอธิบาย
เมื่อมองว่าไร้ประโยชน์และจะยิ่ งทะเลาะ
นานวันเข้าความเข้าใจกันจะลดน้อ ยลงจนกลายเป็นความไม่เข้าใจไปก็ ได้
จาคะ คือ ความเสียสละ นั่นคือเราเสียสละความโกรธ ความเกียจคร้าน
เวลาส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย และสิ่งอื่น ๆ เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข
เช่น เวลาคนรักมีปัญหาโทรมาหาในเวลาที่เรากำลังพักผ่อนก็ยอมลุกมานั่ งฟังอย่างตั้งใจ
และมุ่งหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ
หากต่างคนต่างไม่่มีเวลาเพื่อกั นและกัน ไม่ได้ทำอะไรเพื่อกันและกัน
ความแห้งแล้งในจิตใจย่อมเกิดขึ้ นเป็นธรรมดานะคะ
เมื่อพูดถึงเรื่องความเสมอแล้ว แสดงว่าถึงแม้ครบกันมาทั้ง 4 อย่างนี้เสมอกันแล้ว
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายในพัฒนาเรื่อง 4 เรื่องให้มากขึ้น เจริญเติบโตขึ้นแล้วอีกฝ่ายไม่มีการพัฒนาเลย
สมดุลรักก็จะเปลี่ยนแปลงไปจนทำใ ห้บางครั้งก็อยู่ด้วยกันต่อไม่ไ ด้นะคะ
สิ่งที่ดีคือหากสมดุลกับคนไหนแล้ว ช่วยกันพัฒนาในทุก ๆ ด้าน
ช่วยกันเจริญเติบโตก้าวหน้าก็จะ ทำให้รักยังสมดุลอยู่เสมอ
เช่นกันหากท่านใดมีรักที่ไม่มีสุขหรือยังไม่มีรัก หมั่นพัฒนาตนเองนะคะ
เพราะเมื่อคุณพัฒนาตัวเองแล้ว สิ่งเหล่านี้จะนำพาให้คุณได้พบเ จอกับคนที่สมดุลกับคุณเอง
และแอ้นก็แน่ใจว่าคนที่มี 4 อย่างนี้ในระดับสูง คุณจะอยู่กับเค้าได้อย่างมีความ สุขมากกว่าคนที่มี 4 สิ่งนี้น้อยกว่าค่ะ ♥
ลองดูกันนะคะ แม้กระทั่งตอนไม่มีใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ค่ะ ^^
ความเสมอกันทั้ง 4 คือ ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ
คือสิ่งที่เหวี่ยงให้คนสองคนมาเ
ย่อมทำให้ความรักนั้นดำเนินไปอย
ศีล คือ การปฏิบัติตน หากทั้งสองคนมีศีลเสมอกัน ย่อมเห็นจิตใจของกันและกัน
เช่น ต่างคนต่างไม่รู้สึกผิดแปลกหากจ
แต่ก็อาจจะอยู่กันด้วยความสงสัย
แต่หากถือศีล 5 กันทั้งคู่นั่นคงจะอยู่กันด้วยค
ศรัทธา คือ ความเชื่อ เคารพในสิ่งที่ควรเคารพ
หากฝ่ายหนึ่งศรัทธาลัทธิ อีกฝ่ายศรัทธาศาสนา(ไม่ว่าศาสนา
แนวคิดแนวปฏิบัติตนในแต่ละวันคง
หรือหากศรัทธากันไปในคนละเรื่อง
ฝ่ายหนึ่งมีศีล 5 อีกฝ่ายฆ่าสัตว์เมาสุราไม่เว้นแ
แต่ในส่วนนี้หากทั้งสองมีศรัทธา
หากแต่การร่วมบุญกัน ความชื่นใจในการปฏิบัติร่วมกัน(
ปัญญา คือ ความคิดความเข้าใจในอีกฝ่าย การใช้ความเข้าใจกัน
ใจเขาใจเรา น่าจะเป็นพื้นฐานทำให้ต่างคนต่า
หากคุยกันไปแล้วเข้าใจกันคนละอย่าง มีปัญหากันแล้วอธิบายแล้วกลับยิ่งแย่
แน่นอนว่า สิ่งนี้ย่อมบั่นทอนความรู้สึกดี
บางครั้งอาจจะทำให้อีกคนไม่อยาก
เมื่อมองว่าไร้ประโยชน์และจะยิ่
นานวันเข้าความเข้าใจกันจะลดน้อ
จาคะ คือ ความเสียสละ นั่นคือเราเสียสละความโกรธ ความเกียจคร้าน
เวลาส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย และสิ่งอื่น ๆ เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข
เช่น เวลาคนรักมีปัญหาโทรมาหาในเวลาที่เรากำลังพักผ่อนก็ยอมลุกมานั่
และมุ่งหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ
หากต่างคนต่างไม่่มีเวลาเพื่อกั
ความแห้งแล้งในจิตใจย่อมเกิดขึ้
เมื่อพูดถึงเรื่องความเสมอแล้ว แสดงว่าถึงแม้ครบกันมาทั้ง 4 อย่างนี้เสมอกันแล้ว
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายในพัฒนาเรื่อง 4 เรื่องให้มากขึ้น เจริญเติบโตขึ้นแล้วอีกฝ่ายไม่มีการพัฒนาเลย
สมดุลรักก็จะเปลี่ยนแปลงไปจนทำใ
สิ่งที่ดีคือหากสมดุลกับคนไหนแล้ว ช่วยกันพัฒนาในทุก ๆ ด้าน
ช่วยกันเจริญเติบโตก้าวหน้าก็จะ
เช่นกันหากท่านใดมีรักที่ไม่มีสุขหรือยังไม่มีรัก หมั่นพัฒนาตนเองนะคะ
เพราะเมื่อคุณพัฒนาตัวเองแล้ว สิ่งเหล่านี้จะนำพาให้คุณได้พบเ
และแอ้นก็แน่ใจว่าคนที่มี 4 อย่างนี้ในระดับสูง คุณจะอยู่กับเค้าได้อย่างมีความ
ลองดูกันนะคะ แม้กระทั่งตอนไม่มีใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ค่ะ ^^
ปัญหากับใจ
ระหว่างปัญหากับใจ สิ่งไหนเป็นสิ่งสำคัญระหว่างคนส องคนมากกว่ากันคะ..
ในระหว่างมีปัญหากันนั้น จิตใจเรามักจะมืดมิดเมามัวด้วยห มอกของอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่
และมักจะเผลอพูดอะไรร้าย ๆ ที่ต้องทำให้มาสำนึกผิดหรือแก้ปัญหาในทีหลัง
หากเรามีสติฝึกคิดบ่อย ๆ ว่า ที่เราคบกับคนคนนี้อยู่นั้น
เราก็ตกลงใจว่าจะดูแลเค้าให้ดี ไม่อยากทำให้เสียใจ
แล้วทำไมเล่าเมื่อมีปัญหาแทนที่ เราจะมองไปที่ใจ
กลับมุ่งเน้นพุ่งประเด็นไปที่เห ตุผลและความถูกผิดของปัญหานั้น
ปัญหา ถ้ามันยังคงมีอยู่มันก็ไม่หายไป ไหนนะคะ
เช่นเดียวกับความถูกผิดซึ่งอยู่ ในบรรทัดฐานของคนแต่ละคน
เถียงหรือทะเลาะกันไปด้วยเหตุผล หรืออารมณ์ปัญหาก็ยังคงค้างอยู่ ที่เดิม
ความคิดว่าใครถูกหรือผิดก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่เพิ่มมากลับเป็นอารมณ์ร้าย
ที่สาดเทเข้าหากันเหมือนสาดสีดำเข้าผ้าขาว และหัวใจที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูดตัดสินกันและกัน
ปล่อยให้ปัญหาค้างอยู่ก่อน แล้วหันกลับมาถนอมดูแลใจกันนะคะ
เลือกใช้คำพูดที่เป็นน้ำเย็นไม่ ใช่น้ำร้อนเพื่อถอยออกห่างมาจาก สภาวะมืดมนนั้น
การรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่ องง่ายที่จะทำเมื่อเรามีภาวะอาร มณ์ที่รุนแรง
และการควบคุมจิตใจไม่ให้มีไฟพวย พุ่งก็เช่นเดียวกันค่ะ
หากจะฝึกความใจเย็นให้เกิดขึ้นเ มื่อมีปัญหา
แรกเริ่มควรเริ่มจากสิ่งที่คนอื่นมองเห็น นั้นคือการรักษาวาจา/ กริยาไม่ให้ทำร้ายอีกฝ่าย
หมั่นฝึกคิดตริตรองว่าคำพูด/ การกระทำนั้นดีหรือร้าย ชะงักคำพูดไว้ก่อนออกมาจากปาก
ชะงักท่าทางก่อนจะกระทำ หากไม่ดีก็หยุดพูดมันหยุดทำเสีย
ฝึกบ่อย ๆ การกรองคำจากสมองก็จะเข้มแข็งไมพูดและทำอย่างใจคิด
แม้จะมีน้ำเ ดือดปุด ๆ อยู่ในสมองและหัวใจก็ตาม
เมื่อฝึกใช้คำพูดที่ดี การวางตัวที่ดีแม้ในเวลาที่ร้าย ได้แล้ว
ก็หันกลับมาถนอมสมองและหัวใจของ ตัวเอง
หมั่นมีสติระลึกรู้กับสิ่งที่อยู่แต่งหรือคิดแทนอีกฝ่าย เปิดใจกว้างดูให้ครบทุกมุมมอง
การคู่กันใจเขาใจเราเป็นสิ่งสำคัญนะคะ
เรื่องข้อเท็จจริงอาจจะมีถูกผิด ชี้สอนกันให้ถูกได้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานยืนยัน
แต่ความคิดเห็นและความเข้าใจย่ อมหาถูกผิดยากเป็นเรื่องของแนวคิดและมุมมองค่ะ
หากฝึกตัวด้วยการระงับคำพูดการก ระทำ และฝึกคิดอย่างมีสติไม่ปรุงแต่ง บ่อย ๆ เข้า
เราจะมองเห็นเองว่า ปัญหามันไม่สำคัญอะไรเลย หัวใจของคนรักที่เราต้องถนอมสำคัญกว่า
แล้วความรักร้อน ๆ จะกลายเป็นรักหวานเย็นได้ไม่ยาก เลยค่ะ ♥
ในระหว่างมีปัญหากันนั้น จิตใจเรามักจะมืดมิดเมามัวด้วยห
และมักจะเผลอพูดอะไรร้าย ๆ ที่ต้องทำให้มาสำนึกผิดหรือแก้ปัญหาในทีหลัง
หากเรามีสติฝึกคิดบ่อย ๆ ว่า ที่เราคบกับคนคนนี้อยู่นั้น
เราก็ตกลงใจว่าจะดูแลเค้าให้ดี
แล้วทำไมเล่าเมื่อมีปัญหาแทนที่
กลับมุ่งเน้นพุ่งประเด็นไปที่เห
ปัญหา ถ้ามันยังคงมีอยู่มันก็ไม่หายไป
เช่นเดียวกับความถูกผิดซึ่งอยู่
เถียงหรือทะเลาะกันไปด้วยเหตุผล
ความคิดว่าใครถูกหรือผิดก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่เพิ่มมากลับเป็นอารมณ์ร้าย
ที่สาดเทเข้าหากันเหมือนสาดสีดำเข้าผ้าขาว และหัวใจที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูดตัดสินกันและกัน
ปล่อยให้ปัญหาค้างอยู่ก่อน แล้วหันกลับมาถนอมดูแลใจกันนะคะ
การรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่
และการควบคุมจิตใจไม่ให้มีไฟพวย
หากจะฝึกความใจเย็นให้เกิดขึ้นเ
แรกเริ่มควรเริ่มจากสิ่งที่คนอื่นมองเห็น นั้นคือการรักษาวาจา/
หมั่นฝึกคิดตริตรองว่าคำพูด/
ชะงักท่าทางก่อนจะกระทำ หากไม่ดีก็หยุดพูดมันหยุดทำเสีย
ฝึกบ่อย ๆ การกรองคำจากสมองก็จะเข้มแข็งไมพูดและทำอย่างใจคิด
แม้จะมีน้ำเ
เมื่อฝึกใช้คำพูดที่ดี การวางตัวที่ดีแม้ในเวลาที่ร้าย
ก็หันกลับมาถนอมสมองและหัวใจของ
หมั่นมีสติระลึกรู้กับสิ่งที่อยู่แต่งหรือคิดแทนอีกฝ่าย เปิดใจกว้างดูให้ครบทุกมุมมอง
การคู่กันใจเขาใจเราเป็นสิ่งสำคัญนะคะ
เรื่องข้อเท็จจริงอาจจะมีถูกผิด
แต่ความคิดเห็นและความเข้าใจย่
หากฝึกตัวด้วยการระงับคำพูดการก
เราจะมองเห็นเองว่า ปัญหามันไม่สำคัญอะไรเลย หัวใจของคนรักที่เราต้องถนอมสำคัญกว่า
แล้วความรักร้อน ๆ จะกลายเป็นรักหวานเย็นได้ไม่ยาก
อิจฉา
เวลาเห็นคนรักกันจิตใจคุณนึกยิน ดีหรืออิจฉา?
เวลาเห็นคนเฒ่าคนแก่ที่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันมาสี่ห้าสิบปี
ส่วนใหญ่ใจเราจะเห็นความอบอุ่นใ นตัวเอง บ้างก็เอ็นดู บ้างก็รู้สึกตื้นตัน
บ้างก็รู้สึกว่าจะมีไหมใครสักคน ที่อยู่กับเราตลอดแบบนี้
แต่เวลาเห็นคนอายุพอ ๆ กันกับเรามีรักที่ดี ใจคุณยังคงเหมือนที่เห็นกับคนแก่คู่กันรึเปล่า
ใจคิดรึเปล่าว่าทำไมเค้าถึงมีแบ บนี้แต่เราไม่ ใจคิดรึเปล่าว่าชั้นหาได้ดีกว่า นี้
ใจคิดรึเปล่าว่าเดี๋ยวก็เลิกกัน บางคนซ้ำร้ายเห็นเค้าคู่กันดีก็ อยากจะได้คู่เค้ามาเพราะคิดว่าจ ะดีเหมือนกัน
หรือใจคุณยินดีกับเค้าที่หารักดี ๆ ได้
อนุโมทนากับบุญกับเค้าเวลาเห็นเ ค้าทำบุญร่วมกันให้รักพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับคำพูดเล่น ๆ ว่าอิจฉาจังหรืออะไรอื่น ๆ นั้น
หากจิตคุณยินดีและชอบใจกับความรักรอบกายก็ไม่นับว่าจิตอิจฉานะค ะ
แต่หากลดคำพูดประมาณนี้ได้ก็คงจ ะดีนะคะ
เพราะบางครั้งเวลาเราพูดเล่น ๆ จิกสายตาเล่น ๆ คนได้ยินก็อาจจะไม่เล่นก็มี
อาจจะสร้างอารมณ์ขุ่นเล็ก ๆ ให้กับคนอื่นก็เป็นได้ ^^
ใจที่มีจิตอิจฉานั้น จะเป็นตัวผลักสิ่งต่าง ๆ ที่คุณอิจฉาออกไปนะคะ
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณรังเ กียจสิ่งดี ๆ เหล่านั้น
เวลาที่นึกถึงภาพคนรักกันมาก ๆ จิตคุณจะมีแต่ความอึดอัด ไม่ชอบใจ
ซึ่งจะทำให้ความรักคุณคุณอิจฉา
คนดีที่คุณอยากได้ มาไม่ถึงสักที
หรือหากมาถึงคุณกำลังได้รับมันอ ยู่ คุณก็จะไม่เห็นดีเห็นงามกับความ รักนั้น
เอาแต่รำคาญหงุดหงิด อึดอัด เหมือนกับตอนที่คุณอิจฉาความรัก ของคนอื่นอยู่จริง ๆ ค่ะ ♥
เวลาเห็นคนเฒ่าคนแก่ที่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันมาสี่ห้าสิบปี
ส่วนใหญ่ใจเราจะเห็นความอบอุ่นใ
บ้างก็รู้สึกว่าจะมีไหมใครสักคน
แต่เวลาเห็นคนอายุพอ ๆ กันกับเรามีรักที่ดี ใจคุณยังคงเหมือนที่เห็นกับคนแก่คู่กันรึเปล่า
ใจคิดรึเปล่าว่าทำไมเค้าถึงมีแบ
ใจคิดรึเปล่าว่าเดี๋ยวก็เลิกกัน
หรือใจคุณยินดีกับเค้าที่หารักดี ๆ ได้
อนุโมทนากับบุญกับเค้าเวลาเห็นเ
สำหรับคำพูดเล่น ๆ ว่าอิจฉาจังหรืออะไรอื่น ๆ นั้น
หากจิตคุณยินดีและชอบใจกับความรักรอบกายก็ไม่นับว่าจิตอิจฉานะค
แต่หากลดคำพูดประมาณนี้ได้ก็คงจ
เพราะบางครั้งเวลาเราพูดเล่น ๆ จิกสายตาเล่น ๆ คนได้ยินก็อาจจะไม่เล่นก็มี
อาจจะสร้างอารมณ์ขุ่นเล็ก ๆ ให้กับคนอื่นก็เป็นได้ ^^
ใจที่มีจิตอิจฉานั้น จะเป็นตัวผลักสิ่งต่าง ๆ ที่คุณอิจฉาออกไปนะคะ
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณรังเ
เวลาที่นึกถึงภาพคนรักกันมาก ๆ จิตคุณจะมีแต่ความอึดอัด ไม่ชอบใจ
ซึ่งจะทำให้ความรักคุณคุณอิจฉา
คนดีที่คุณอยากได้ มาไม่ถึงสักที
หรือหากมาถึงคุณกำลังได้รับมันอ
เอาแต่รำคาญหงุดหงิด อึดอัด เหมือนกับตอนที่คุณอิจฉาความรัก
พ่อแม่กับคนรัก
วันนี้เราดูแลพ่อแม่กันดีรึยังค ะ ?
ทำไมบางคนคู่ของเค้าจึงดูแล ใส่ใจ ห่วงใยดี
แต่ทำไมบางคู่คนรักก็ไม่ค่อยสนใ จ ไม่ดูแลเท่าไรนัก
บางครั้งอาจเป็นเพราะการดูแลอรหันต์ในบ้านนะคะ
สังเกตไหมคะว่า ลูกส่วนใหญ่ที่เชื่อฟังพ่อแม่
ทำให้พ่อแม่ชื่นใจ ดูแลพ่อแม่อย่างดี พาพ่อแม่ทำบุญทำกุศล
แนะนำท่านไปในทางธรรมที่ถูกที่ค วร มักจะได้รับคนรักและความรักที่ส ดชื่นและอบอุ่น
กลับมาสำรวจตัวเองว่า ตัวเรานี้ได้ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดีสมกับที่ท่านเลี้ยงเราจนเติ บใหญ่รึเปล่า
การดูแลพ่อแม่ทั้งทางกาย วาจา และใจ เป็นบุญใหญ่นะคะ
การดูแลด้วยจิตใจอิ่มเอิบสดใสจะ ยังผลในระยะยาวนะคะ
การดูแลคนที่ควรดูแล การใส่ใจคนที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่แทนคุณยังไงก็คงไม่หมด
จะเอาเงินทองที่ท่านเลี้ยงมาทั้ งชีวิตมากองตรงหน้า
อาจเทียบไม่ได้เลยกับการนั่งทาน ข้าวกับท่านอย่างมีความสุขสักมื้อเดียว
เวลาเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่านกำลังร่วงโรยเรื่อย ๆ นะคะ
ท่านก็มีความหวังอยู่ลึก ๆ แม้อาจจะแสดงหรือไม่แสดงออกก็ตา มทีว่าเราจะดูแลท่าน
เหมือนกับที่เราอาจจะคาดหวังกับ คนรักเช่นกันว่าเค้าจะดูแล ห่วงใย ใส่ใจเราในเวลาที่ควร อภัยเราในเวลาที่เราทำผิดอย่างไ ม่มีจำกัด
แต่เคยหันกลับมาสำรวจหรือเปล่าว่า เวลาที่พ่อแม่พูดไม่เข้าหู เราแสดงท่าทางอย่างไร
เราดูแลใส่ใจเค้าอย่างดีเวลาเค้ าเจ็บไข้เหมือนกับตอนที่เราเจ็บ แล้วดูแลหรือเปล่า
เวลาพ่อแม่ถามเราหงุดหงิดไหม เวลาท่านขอโทษยามทำผิดเราพูดอย่ างไรกับท่าน
ถ้ายังดูแลพ่อแม่หรือคนที่เลี้ย งดูเราได้ไม่ดีพอ ยังไม่อภัยที่เค้าอาจจะเคยทำร้า ยเรา
หรืออีกมากมายแบบที่เราเคยทำไม่ ดีกันมา
อยากให้ลูก ๆ กลับมาดูแลตรงส่วนนี้ด้วยนะคะ
แอ้นเชื่อว่าถ้าเราทำให้ท่านอย่ างเต็มใจ ปรับปรุงความคิดเพื่อพวกท่านด้ว ยใจจริงแล้ว
ไม่นานความรักดี ๆ จะเข้ามาหาไม่ว่าจะจากคนเก่าหรื อคนที่กำลังจะเข้ามาแน่นอน
โดยบางครั้งเราอาจจะไม่ได้หวังด้วยซ้ำค่ะ
ทำไมบางคนคู่ของเค้าจึงดูแล ใส่ใจ ห่วงใยดี
แต่ทำไมบางคู่คนรักก็ไม่ค่อยสนใ
บางครั้งอาจเป็นเพราะการดูแลอรหันต์ในบ้านนะคะ
สังเกตไหมคะว่า ลูกส่วนใหญ่ที่เชื่อฟังพ่อแม่
ทำให้พ่อแม่ชื่นใจ ดูแลพ่อแม่อย่างดี พาพ่อแม่ทำบุญทำกุศล
แนะนำท่านไปในทางธรรมที่ถูกที่ค
กลับมาสำรวจตัวเองว่า ตัวเรานี้ได้ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดีสมกับที่ท่านเลี้ยงเราจนเติ
การดูแลพ่อแม่ทั้งทางกาย วาจา และใจ เป็นบุญใหญ่นะคะ
การดูแลด้วยจิตใจอิ่มเอิบสดใสจะ
การดูแลคนที่ควรดูแล การใส่ใจคนที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่แทนคุณยังไงก็คงไม่หมด
จะเอาเงินทองที่ท่านเลี้ยงมาทั้
อาจเทียบไม่ได้เลยกับการนั่งทาน
เวลาเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่านกำลังร่วงโรยเรื่อย ๆ นะคะ
ท่านก็มีความหวังอยู่ลึก ๆ แม้อาจจะแสดงหรือไม่แสดงออกก็ตา
เหมือนกับที่เราอาจจะคาดหวังกับ
แต่เคยหันกลับมาสำรวจหรือเปล่าว่า เวลาที่พ่อแม่พูดไม่เข้าหู เราแสดงท่าทางอย่างไร
เราดูแลใส่ใจเค้าอย่างดีเวลาเค้
เวลาพ่อแม่ถามเราหงุดหงิดไหม เวลาท่านขอโทษยามทำผิดเราพูดอย่
ถ้ายังดูแลพ่อแม่หรือคนที่เลี้ย
หรืออีกมากมายแบบที่เราเคยทำไม่
อยากให้ลูก ๆ กลับมาดูแลตรงส่วนนี้ด้วยนะคะ
แอ้นเชื่อว่าถ้าเราทำให้ท่านอย่
ไม่นานความรักดี ๆ จะเข้ามาหาไม่ว่าจะจากคนเก่าหรื
โดยบางครั้งเราอาจจะไม่ได้หวังด้วยซ้ำค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)