คุณศรัทธาในตัวคนรักไหมคะ
คุณเชื่อรึเปล่าว่าคนรักของคุณเป็นคนที่คุณเลือกมาแล้วอย่างดี
คุณเชื่อในตัวตนของคนรักของคุณรึเปล่า
ความเชื่อมั่น ศรัทธาในคนรักเป็นสิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตคู่นะคะ
การรักกันหากเราไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายมีนิสัยที่ดีงามเข้ากันได้
เราก็จะใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจกันบ่อย ๆ
จนกระทั่งบางวัน อาจทำให้ทนอยู่ด้วยกันไม่ได้
แล้วสุดท้าย คำพูดที่เราใช้ทำร้ายเค้าก็จะทำให้เค้าเป็นแบบที่เราพูด
คำพูดและความคิดเป็นเหมือนแม่เหล็กค่ะ
หากคุณพูดหรือคิดสิ่งที่ใดบ่อย ๆ
จิตคุณจะยึดอยู่กับสิ่งนั้น เฝ้ามองหาแต่สิ่งนั้น
แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นจริงขึ้นมา
อย่างเช่นถ้าหากคุณสนใจมือถือรุ่นนึง
คุณจะพบว่ามีคนใช้มือถือรุ่นที่คุณสนใจนั้น เดินผ่านไปมาให้เห็นมากกว่าปกติ
นั่นเพราะคุณสังเกตเห็นมัน และมันก็จะดึงดูดสิ่งที่คุณเฝ้าฝันถึงเสมอมาให้
เช่นกันกับคนรัก
ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าคนรักเป็นคนดี มองหาแต่สิ่งดี ชื่นชมสิ่งดี ๆ
ไม่มีคำพูดร้ายออกมาให้แหนงใจ
คงจะยากที่ชีวิตคู่ของคุณจะไม่สดชื่น
แต่หากคุณเอาแต่มองข้อแย่ ข้อเสีย และสังเกตเห็นแต่เรื่องร้าย ๆ ของอีกฝ่าย
ก็คงจะยากที่ชีวิตคู่จะดีไปได้
มนุษย์เราไม่ว่าใคร ก็ย่อมอยากเป็นคนน่าชื่นชมในสายตาคนอื่น
แม้จะมีเวลาที่ร้ายบ้าง
แต่ในสายตาคนที่เรารัก เราย่อมอยากให้เค้าให้อภัย หรือไม่เปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นในตัวเราลง
แต่เมื่อไหร่ที่มีการกล่าวโทษ หรือแม้กระทั่งตัดสินเราด้วยสายตาของอคติ
คนส่วนใหญ่ย่อมจะปกป้องตัวเอง ด้วยคำพูดโต้แย้ง ที่จะชักการเกิดวิวาทะตามมา
หากใครมีคนที่รักแล้ว จงเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวของคนรักจนถึงที่สุด
แล้วชักนำกันไปสู่ความรัก ชีวิตคู่ที่ดีงาม เต็มไปด้วย ศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญาที่เสมอกันนะคะ
ละอองบุญ <3
ค้นหาบล็อกนี้
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
คงจะดีถ้า...
เวลาเจอปัญหาอะไรต่าง ๆ ในชีวิต
เคยคิดคำนี้ไหมคะ
มันคงจะดีถ้า........
และเมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นกับคนรักของเรา
ส่วนใหญ่ก็คงจะคิดว่า
มันคงจะดีถ้าเค้าไม่เป็นแบบนี้
มันคงจะดีถ้าฉันไม่คบกับคุณ
มันคงจะดีถ้าฉันไปจากคุณ
มันคงจะดีถ้าุคุณพบคนอื่น
แล้วผลที่ตามมาคือ น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หรือความรู้สึกแย่ที่เพิ่มขึ้น
มันคงจะดีถ้าเราเลิกคิดแบบนี้นะคะ
เพราะนั่นเรากำลังสร้างความคิดด้านลบให้กับตัวเอง
มองโลกตามสิ่งที่เราอยากให้เป็น
และผิดหวังเมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น
หันกลับมามองโลกตามความเป็นจริง
หากเกิดเหตุอะไร
สงบใจ สงบปาก สงบคำ สงบกาย
มองพิจารณาเฉพาะเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ปรุงต่อ
เลิกคิดว่า มันคงจะดี...
รู้เพียงว่า ตอนนี้ใจตัวเองเป็นเช่นไร
สมองคิดสิ่งใดอยู่
ปาดน้ำตาทิ้งแล้วยิ้มให้กับตัวเองว่า
โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างโลก
ใจเราสงบเย็นเป็นพอ และเราไม่มีเวลาจะมาคิดมากกับโลกภายนอกแล้ว
การเรียนรู้โลกในใจเราเป็นเรื่องมีขีดจำกัดนะคะ
คือเมื่อเรียนรู้ถึงจุดนึงแล้ว จะจบ นั่นคือรู้ทันกิเลสในใจตน
แต่เรื่องทางโลกไม่มีวันจบ มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
เรียนเรื่องโลกแล้วมีน้ำตา
แต่เรียนเรื่องใจของตนจะมีแต่น้ำใจ
น้ำใจที่คิดถึงผู้อื่นไม่คิดเอาเข้าตัว
เข้าใจโลก เข้าใจผู้อื่น เข้าใจตนเองได้อย่างแท้จริง
มันคงจะดีถ้าทุกคนมุ่งรับปริญญาทางการรู้นะคะ :)
ละอองบุญ
เคยคิดคำนี้ไหมคะ
มันคงจะดีถ้า........
และเมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นกับคนรักของเรา
ส่วนใหญ่ก็คงจะคิดว่า
มันคงจะดีถ้าเค้าไม่เป็นแบบนี้
มันคงจะดีถ้าฉันไม่คบกับคุณ
มันคงจะดีถ้าฉันไปจากคุณ
มันคงจะดีถ้าุคุณพบคนอื่น
แล้วผลที่ตามมาคือ น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หรือความรู้สึกแย่ที่เพิ่มขึ้น
มันคงจะดีถ้าเราเลิกคิดแบบนี้นะคะ
เพราะนั่นเรากำลังสร้างความคิดด้านลบให้กับตัวเอง
มองโลกตามสิ่งที่เราอยากให้เป็น
และผิดหวังเมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น
หันกลับมามองโลกตามความเป็นจริง
หากเกิดเหตุอะไร
สงบใจ สงบปาก สงบคำ สงบกาย
มองพิจารณาเฉพาะเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ปรุงต่อ
เลิกคิดว่า มันคงจะดี...
รู้เพียงว่า ตอนนี้ใจตัวเองเป็นเช่นไร
สมองคิดสิ่งใดอยู่
ปาดน้ำตาทิ้งแล้วยิ้มให้กับตัวเองว่า
โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างโลก
ใจเราสงบเย็นเป็นพอ และเราไม่มีเวลาจะมาคิดมากกับโลกภายนอกแล้ว
การเรียนรู้โลกในใจเราเป็นเรื่องมีขีดจำกัดนะคะ
คือเมื่อเรียนรู้ถึงจุดนึงแล้ว จะจบ นั่นคือรู้ทันกิเลสในใจตน
แต่เรื่องทางโลกไม่มีวันจบ มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
เรียนเรื่องโลกแล้วมีน้ำตา
แต่เรียนเรื่องใจของตนจะมีแต่น้ำใจ
น้ำใจที่คิดถึงผู้อื่นไม่คิดเอาเข้าตัว
เข้าใจโลก เข้าใจผู้อื่น เข้าใจตนเองได้อย่างแท้จริง
มันคงจะดีถ้าทุกคนมุ่งรับปริญญาทางการรู้นะคะ :)
ละอองบุญ
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Talk
เวลาอยู่ด้วยกัน
การพูดจาเป็นกิริยาอาการที่แสดงออกต่อกันมากที่สุด
และยังทำให้รับรู้ถึงความคิดได้มากที่สุด
แต่การใช้วาจา
ก็ทำให้บางครั้งเราเข้าใจกันน้อยลงหรือไม่เข้าใจกันเลย
เพราะอะไร ?
ครูอาจารย์เคยสอนว่า
คู่ที่คุยกันด้วยความเข้าใจผิดเสมอ คือ คู่ที่ไม่เคยคุยกันเลย
การคุยกันควรคุยกันแล้ว เข้าใจกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น
เพราะเราควรคุยกันด้วยการเอาใจใส่ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
นึกถึงใจเขาใจเรา และคุยด้วยเมตตา
เพื่อพัฒนาความเข้าใจในคู่ของเรา มากกว่าจะคุยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ
เป็นปกตินะคะ ถ้าเราจะคุยกันแล้วบางครั้งทะเลาะกัน
แต่ถ้าเอาเนื้อหานั้น ๆ มานั่งนึก คิด หาเหตุผล
ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคืออะไร แล้วทะเลาะกันเพราะอะไร
ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา สิ่งต่าง ๆ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปสักแค่ไหน
ทุกคนย่อมมีความคิดใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ
มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาไปของความคิดตลอดอยู่แล้ว
ดังนั้นการคุยกันด้วยความเข้าใจ
จะทำให้คนสองคนเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ลดความทะเลาะ ลดความไม่พอดีกันลงไปได้
ด้วยการคุยกันด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
อีกสาเหตุของการทะเลาะกัน นั่นก็คือ การไม่ได้ฟังกันอย่างลึกซึ้ง
คือ ฟังเพียงผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับฟัง
ซึ่งบางครั้ง อาจทำให้ ความเข้าใจกันผิดเพี้ยน
ก่อเป็นปัญหาทะเลาะกันใหญ่โต ต่อเมื่อมานั่งฟังกันอย่างตั้งใจ
อาจจะพบว่า ที่ทะเลาะกันมานั้น สุดท้ายก็เข้าใจกัน ไม่รู้ที่ทะเลาะกันเพราะอะไร
คำพูดที่จะใช้ก็สำคัญเช่นกันนะคะ
อย่าคิดว่าคนใกล้ชิด ความสนิท จะทำให้คุณใช้คำพูดแบบใดก็ได้
รักษาน้ำจิตน้ำใจของคนที่คุย
ระลึกไว้ว่า คนที่คุยอยู่ตรงหน้าคุณ เป็นคนสำคัญที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
จะทำให้เราพัฒนาคำพูด ลักษณะการพูดคุย ให้เหมาะสมได้ในที่สุดค่ะ
ละอองบุญ
การพูดจาเป็นกิริยาอาการที่แสดงออกต่อกันมากที่สุด
และยังทำให้รับรู้ถึงความคิดได้มากที่สุด
แต่การใช้วาจา
ก็ทำให้บางครั้งเราเข้าใจกันน้อยลงหรือไม่เข้าใจกันเลย
เพราะอะไร ?
ครูอาจารย์เคยสอนว่า
คู่ที่คุยกันด้วยความเข้าใจผิดเสมอ คือ คู่ที่ไม่เคยคุยกันเลย
การคุยกันควรคุยกันแล้ว เข้าใจกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น
เพราะเราควรคุยกันด้วยการเอาใจใส่ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
นึกถึงใจเขาใจเรา และคุยด้วยเมตตา
เพื่อพัฒนาความเข้าใจในคู่ของเรา มากกว่าจะคุยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ
เป็นปกตินะคะ ถ้าเราจะคุยกันแล้วบางครั้งทะเลาะกัน
แต่ถ้าเอาเนื้อหานั้น ๆ มานั่งนึก คิด หาเหตุผล
ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคืออะไร แล้วทะเลาะกันเพราะอะไร
ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา สิ่งต่าง ๆ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปสักแค่ไหน
ทุกคนย่อมมีความคิดใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ
มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาไปของความคิดตลอดอยู่แล้ว
ดังนั้นการคุยกันด้วยความเข้าใจ
จะทำให้คนสองคนเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ลดความทะเลาะ ลดความไม่พอดีกันลงไปได้
ด้วยการคุยกันด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
อีกสาเหตุของการทะเลาะกัน นั่นก็คือ การไม่ได้ฟังกันอย่างลึกซึ้ง
คือ ฟังเพียงผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับฟัง
ซึ่งบางครั้ง อาจทำให้ ความเข้าใจกันผิดเพี้ยน
ก่อเป็นปัญหาทะเลาะกันใหญ่โต ต่อเมื่อมานั่งฟังกันอย่างตั้งใจ
อาจจะพบว่า ที่ทะเลาะกันมานั้น สุดท้ายก็เข้าใจกัน ไม่รู้ที่ทะเลาะกันเพราะอะไร
คำพูดที่จะใช้ก็สำคัญเช่นกันนะคะ
อย่าคิดว่าคนใกล้ชิด ความสนิท จะทำให้คุณใช้คำพูดแบบใดก็ได้
รักษาน้ำจิตน้ำใจของคนที่คุย
ระลึกไว้ว่า คนที่คุยอยู่ตรงหน้าคุณ เป็นคนสำคัญที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
จะทำให้เราพัฒนาคำพูด ลักษณะการพูดคุย ให้เหมาะสมได้ในที่สุดค่ะ
ละอองบุญ
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ข้อแม้
คนเราเวลาทำอะไรชอบสร้างข้อแม้
โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก
ถ้าไม่....... ฉันก็จะ........
ถ้าเธอไม่มาหา ฉันก็จะน้อยใจ
ถ้าพ่อไม่ให้ หนูก็จะไม่สอบเข้าที่นี่ (เป็นต้น)
การสร้างข้อแม้ให้กับตัวเอง
มักก่อให้เรากลายเป็นคนที่ต้องการการตอบแทนก่อนจะทำสิ่งใด
สร้างความโลภให้เกิดภายในใจได้ไม่ยาก
และก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน
ข้อแม้ระหว่างคนรัก
มักทำให้ความสัมพันธ์มีเงื่อนไข
กลายเป็นความรักที่หวังตอบแทน รักด้วยความคาดหวัง
ก่อเกิดเป็นปมขึ้นมาภายในหัวใจไม่เราก็เค้าหรือทั้งสองคน
ว่าถ้าหากวันนึง เราไม่ทำตามเงื่อนไขหรือข้อแม้นั้น
เธอจะยังรักฉันอยู่รึเปล่า
ซึ่งการคิดแบบนี้ ก็เหมือนลำธารรักสายหนึ่ง
ที่มีเกาะแก่งโขดหินแห่งเงื่อนไขอันใหญ่ขวางกั้น
กว่าจะทะลวงออกไปสู่แม่น้ำสุดกว้างได้นั้น
ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาลกับโขดหินแห่งเงื่อนไขนั้น
หากบางครั้งเหนื่อยที่จะทะลวงเกาะแก่งก็อาจจะยอมเป็นเพียงแอ่งน้ำเล็ก ๆ
ที่ไม่มีวันได้ออกไปสู่แม่น้ำของความรักแท้อันบริสุทธิ์ได้เลย
ข้อแม้เพียงอย่างเดียวที่ควรมี
คือ ถ้าเธอจะไม่รักฉัน ฉันก็จะยังมีความสุขอยู่ได้กับการรักเธออย่างจริงใจ
นั่นก็คือ ความเมตตาในรัก
เมตตาในตัวเอง เคารพตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง
เพื่อที่จะได้รักได้อย่างปราศจากเงื่อนไข ไร้ข้อแม้นั่นเอง :)
ละอองบุญ
โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก
ถ้าไม่....... ฉันก็จะ........
ถ้าเธอไม่มาหา ฉันก็จะน้อยใจ
ถ้าพ่อไม่ให้ หนูก็จะไม่สอบเข้าที่นี่ (เป็นต้น)
การสร้างข้อแม้ให้กับตัวเอง
มักก่อให้เรากลายเป็นคนที่ต้องการการตอบแทนก่อนจะทำสิ่งใด
สร้างความโลภให้เกิดภายในใจได้ไม่ยาก
และก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน
ข้อแม้ระหว่างคนรัก
มักทำให้ความสัมพันธ์มีเงื่อนไข
กลายเป็นความรักที่หวังตอบแทน รักด้วยความคาดหวัง
ก่อเกิดเป็นปมขึ้นมาภายในหัวใจไม่เราก็เค้าหรือทั้งสองคน
ว่าถ้าหากวันนึง เราไม่ทำตามเงื่อนไขหรือข้อแม้นั้น
เธอจะยังรักฉันอยู่รึเปล่า
ซึ่งการคิดแบบนี้ ก็เหมือนลำธารรักสายหนึ่ง
ที่มีเกาะแก่งโขดหินแห่งเงื่อนไขอันใหญ่ขวางกั้น
กว่าจะทะลวงออกไปสู่แม่น้ำสุดกว้างได้นั้น
ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาลกับโขดหินแห่งเงื่อนไขนั้น
หากบางครั้งเหนื่อยที่จะทะลวงเกาะแก่งก็อาจจะยอมเป็นเพียงแอ่งน้ำเล็ก ๆ
ที่ไม่มีวันได้ออกไปสู่แม่น้ำของความรักแท้อันบริสุทธิ์ได้เลย
ข้อแม้เพียงอย่างเดียวที่ควรมี
คือ ถ้าเธอจะไม่รักฉัน ฉันก็จะยังมีความสุขอยู่ได้กับการรักเธออย่างจริงใจ
นั่นก็คือ ความเมตตาในรัก
เมตตาในตัวเอง เคารพตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง
เพื่อที่จะได้รักได้อย่างปราศจากเงื่อนไข ไร้ข้อแม้นั่นเอง :)
ละอองบุญ
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556
คลายร้อน
อากาศร้อน ๆ แบบนี้
เคยเผลอทำอาการร้อน ๆ ใส่คนรักบ้างรึเปล่าคะ
ความร้อนทางกาย ระงับได้ด้วยหลายสิ่ง
ทั้งเปิดแอร์ ดื่มน้ำเย็น หรือหนีไปเที่ยวที่อื่น
แต่ความร้อนทางใจ ระงับได้ด้วยตัวของคุณเอง
และนอกจานั้นแล้ว ความร้อนไม่ได้ระอุอยู่ที่ใจเราเพียงคนเดียวนะคะ
เวลาเราร้อนกระแสร้อนจากใจนะส่งไปให้กับคนรอบข้าง
ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งร้อนขึ้น
แล้วจะทำยังไงให้หายร้อน ?
ก็เปิดแอร์ใจ ดื่มน้ำใจ หรือหนีไปสนใจเรื่องเย็น ๆ
ก็น่าจะทำให้ใจที่ร้อนได้ผ่อนพักคลายลงบ้าง
เปิดแอร์ให้ใจตัวเองแล้ว คนรักหรือคนรอบข้างก็สามารถมาพักได้
ช่วยกันเย็นสบายสร้างรอยยิ้ม
จะเปิดแอร์ใจให้ตัวเอง ต้องยอมรับเสียก่อนว่า
อากาศร้อน ใจกำลังร้อน ยอมรับไปดื้อ ๆ เสียแบบนั้นแหล่ะค่ะ
เมื่อยอมรับได้แล้ว ก็หันกลับมาย้อนพิจารณาเอาซะว่า
เราไม่สามารถปรับอากาศภายนอกให้ได้เหมือนใจคิด
และเราบังคับใจเราให้เย็นวูบลงไม่ได้อย่างใจคิดเช่นกัน
เมื่อรู้แล้วก็วางใจเอาไว้นิ่ง ๆ
สักแต่ว่ารู้ว่าใจร้อน สักแต่ว่ารู้ว่ากายร้อน
ปล่อยให้ใจเร่าร้อนไป แต่อาการที่ออกมาจะผ่อนคลายลง
เมื่อรู้แล้วไม่ต้องเต้นเร่าหาที่เย็นแบบกระเสือกกระสน
ความเย็นจะค่อย ๆ คืบคลานมาหาเองค่ะ
แต่ถ้าหากร้อนกายคงต้องหาที่หนีร้อนเสียหน่อยนะคะ
อย่าปล่อยให้ตัวเกรียมแดดจนเป็นลมเสียก่อน
แต่หากใจร้อนทำตามอย่างที่ว่าไว้ รับรองค่ะ
ใจจะเย็นเหมือนอยู่ขั้วโลกเลย
ละอองบุญ
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556
ห่วงใย
เวลาที่คนรักเจ็บป่วย
คุณ"พา"เค้าไปหาหมอ หรือ "บอก"ให้ไปหาหมอ
คุณเอามือแตะหน้าผากวัดไข้หรือแค่บอกให้ตรวจดู
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนรักกันบางทีก็สำคัญนะคะ
บางครั้งที่เห็นคนรักของเราไม่สบาย
เค้าอาจจะไม่แสดงออกว่าเป็นอะไร
ทำตัวเข้มแข็ง โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายบางท่าน
แต่การได้รับการดูแลเอาใจใส่ เล็กๆน้อย ๆ
อาจทำให้ใจแข็ง ๆ อ่อนโยนขึ้น ลุกมาออดอ้อนกันไม่มากก็น้อย
หรือถ้าไม่อ้อนก็คงทำให้อาการเจ็บไข้หายดีขึ้นได้บ้างนะคะ
คนเราในช่วงที่อ่อนแอที่สุดอีกช่วง
ก็คงเป็นช่วงที่มีอาการไม่สบายนี่แหล่ะค่ะ
หากมีทางไหนที่แสดงความใส่ใจกันและกันได้
ให้พยายามทำนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น
อาจจะมีคำพูดน้อยใจมากระทบกันให้รู้สึกแย่กันได้
ถ้าหากใครไม่สบายและคนรักไม่มีเวลาที่จะมาดูแล
ก็พยายามเข้าใจกันไว้นะคะ
หากตามปกติแล้วอีกฝ่ายดูแลใส่ใจดี แต่คราวนี้กลับดูแลไม่ได้
ก็คงต้องกลับมานั่งคิดว่าเค้าคงจะไม่สามารถมาได้จริง ๆ
ต้องคิดถึงเค้าด้วยนะคะ ว่าก็คงจะร้อนใจมากพอแล้ว
ที่ไม่สามารถมาหา มาดูแลเราได้ในยามที่เราอ่อนแอ
แต่ถ้าหากใครปกติก็เฉย ๆ ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจกัน
ก็รับกันมาได้ คบกันมาก็สบายดี
เกิดมาตอนป่วยไข้เค้าจะไม่ค่อยมาดูแลสนใจ
ก็ต้องเข้าใจอีกเช่นกันค่ะ ว่าโดยพื้นฐานแล้วก็เป็นอย่างนั้น
และเราก็รับเค้ามาได้ตลอด ในกรณีนี้อยากให้ดูแลยังไง
ก็คงต้องบอกออกปากกันไปตรง ๆ ดีกว่ามาแอบน้อยใจคนเดียวค่ะ
สงกรานต์ปีใหม่ไทย อาจทำให้ใครหลายคนมีอาการไม่สบาย
รวมถึงบางครั้งอาจมีการงอนง้อกันนิดหน่อยให้เป็นสีสัน
ก็อย่าลืมดูแลคนรักของเรา ให้หายป่วยเร็ว ๆ
และมีปีใหม่ที่สดใส และหัวใจที่เข้มแข็งขึ้นมาก ๆ ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยอีกครั้งนะคะ ^^
ละอองบุญ <3
คุณ"พา"เค้าไปหาหมอ หรือ "บอก"ให้ไปหาหมอ
คุณเอามือแตะหน้าผากวัดไข้หรือแค่บอกให้ตรวจดู
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนรักกันบางทีก็สำคัญนะคะ
บางครั้งที่เห็นคนรักของเราไม่สบาย
เค้าอาจจะไม่แสดงออกว่าเป็นอะไร
ทำตัวเข้มแข็ง โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายบางท่าน
แต่การได้รับการดูแลเอาใจใส่ เล็กๆน้อย ๆ
อาจทำให้ใจแข็ง ๆ อ่อนโยนขึ้น ลุกมาออดอ้อนกันไม่มากก็น้อย
หรือถ้าไม่อ้อนก็คงทำให้อาการเจ็บไข้หายดีขึ้นได้บ้างนะคะ
คนเราในช่วงที่อ่อนแอที่สุดอีกช่วง
ก็คงเป็นช่วงที่มีอาการไม่สบายนี่แหล่ะค่ะ
หากมีทางไหนที่แสดงความใส่ใจกันและกันได้
ให้พยายามทำนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น
อาจจะมีคำพูดน้อยใจมากระทบกันให้รู้สึกแย่กันได้
ถ้าหากใครไม่สบายและคนรักไม่มีเวลาที่จะมาดูแล
ก็พยายามเข้าใจกันไว้นะคะ
หากตามปกติแล้วอีกฝ่ายดูแลใส่ใจดี แต่คราวนี้กลับดูแลไม่ได้
ก็คงต้องกลับมานั่งคิดว่าเค้าคงจะไม่สามารถมาได้จริง ๆ
ต้องคิดถึงเค้าด้วยนะคะ ว่าก็คงจะร้อนใจมากพอแล้ว
ที่ไม่สามารถมาหา มาดูแลเราได้ในยามที่เราอ่อนแอ
แต่ถ้าหากใครปกติก็เฉย ๆ ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจกัน
ก็รับกันมาได้ คบกันมาก็สบายดี
เกิดมาตอนป่วยไข้เค้าจะไม่ค่อยมาดูแลสนใจ
ก็ต้องเข้าใจอีกเช่นกันค่ะ ว่าโดยพื้นฐานแล้วก็เป็นอย่างนั้น
และเราก็รับเค้ามาได้ตลอด ในกรณีนี้อยากให้ดูแลยังไง
ก็คงต้องบอกออกปากกันไปตรง ๆ ดีกว่ามาแอบน้อยใจคนเดียวค่ะ
สงกรานต์ปีใหม่ไทย อาจทำให้ใครหลายคนมีอาการไม่สบาย
รวมถึงบางครั้งอาจมีการงอนง้อกันนิดหน่อยให้เป็นสีสัน
ก็อย่าลืมดูแลคนรักของเรา ให้หายป่วยเร็ว ๆ
และมีปีใหม่ที่สดใส และหัวใจที่เข้มแข็งขึ้นมาก ๆ ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยอีกครั้งนะคะ ^^
ละอองบุญ <3
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556
ค่า
ใครที่คอยดูแลห่วงใยใส่ใจคุณ
คนนั้นมีค่า....
หากคนไหนมีค่าสำหรับเราแล้ว
หมั่นคอยดูแลรักษาเค้าไว้นะคะ
เพราะไม่แน่ว่าจะมีใครที่จะยอมดูแลเราได้อีกหรือไม่
บางคนอาจคิดว่า
คนที่ดูแลใส่ใจนั้น เป็นหน้าที่ของเค้า
เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณมากมาย
หรือบางทีกลับกลายเป็นรู้สึกว่า
จะทำอะไรกับอีกฝ่ายก็ได้
เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะเลิกดูแล
หรือบางครั้งก็ปกป้องตัวเองกลัวความใส่ใจที่อีกฝ่ายให้มา
ด้วยการร้ายกลับ เพราะกลัวตัวเองเจ็บหากต้องสูญเสียเค้าไป
อยากเตือนให้คิดนะคะว่า
ปัจจุบันคือเวลาที่เป็นของขวัญของเรา
present = gift = here & now = เวลานี้ตอนนี้
ดังนั้น
หากใครสักคนดีกับเรา
เราก็ควรจะดีกับเค้า
และหากใครสักคนจะไม่ดีกับเรา
เราก็ยิ่งต้องดีกับเรา
เพราะทุกคน ต้องการความรักอุ่น ๆ
ที่พักพิงเย็น ๆ บรรยากาศสบาย ๆ
หากรักกับใครแล้ว ต้องมากลัวอนาคต
ต้องปกป้องหัวใจตัวเองด้วยการทำร้ายอีกฝ่าย
นั่นดูจะเป็นความใจร้ายเกินไปสักหน่อยนะคะ
ถ้าหากอยากปกป้องใจตัว
ก็ดังที่เคยบอกไว้เสมอค่ะ
กลับมามองให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นไตรลักษณ์
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ แน่นอน เสมอไป..ไม่มี
และไม่คาดหวังกับผลของมันให้ดีสมกับที่เราทำดีลงไป
ดังนั้นทำดีก็ทำให้เต็มที่
แล้วปล่อยทุกอย่างให้เดินไปตามทางของมัน
ปกป้องหัวใจตนด้วยการหมั่นภาวนา
ให้เห็นตามจริง...
การพลัดพราก การจากลา หรือการกลับมา
ทุกสิ่งเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า แม้กระทั่งตัวเรา ใจเราค่ะ
ละอองบุญ
คนนั้นมีค่า....
หากคนไหนมีค่าสำหรับเราแล้ว
หมั่นคอยดูแลรักษาเค้าไว้นะคะ
เพราะไม่แน่ว่าจะมีใครที่จะยอมดูแลเราได้อีกหรือไม่
บางคนอาจคิดว่า
คนที่ดูแลใส่ใจนั้น เป็นหน้าที่ของเค้า
เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณมากมาย
หรือบางทีกลับกลายเป็นรู้สึกว่า
จะทำอะไรกับอีกฝ่ายก็ได้
เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะเลิกดูแล
หรือบางครั้งก็ปกป้องตัวเองกลัวความใส่ใจที่อีกฝ่ายให้มา
ด้วยการร้ายกลับ เพราะกลัวตัวเองเจ็บหากต้องสูญเสียเค้าไป
อยากเตือนให้คิดนะคะว่า
ปัจจุบันคือเวลาที่เป็นของขวัญของเรา
present = gift = here & now = เวลานี้ตอนนี้
ดังนั้น
หากใครสักคนดีกับเรา
เราก็ควรจะดีกับเค้า
และหากใครสักคนจะไม่ดีกับเรา
เราก็ยิ่งต้องดีกับเรา
เพราะทุกคน ต้องการความรักอุ่น ๆ
ที่พักพิงเย็น ๆ บรรยากาศสบาย ๆ
หากรักกับใครแล้ว ต้องมากลัวอนาคต
ต้องปกป้องหัวใจตัวเองด้วยการทำร้ายอีกฝ่าย
นั่นดูจะเป็นความใจร้ายเกินไปสักหน่อยนะคะ
ถ้าหากอยากปกป้องใจตัว
ก็ดังที่เคยบอกไว้เสมอค่ะ
กลับมามองให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นไตรลักษณ์
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ แน่นอน เสมอไป..ไม่มี
และไม่คาดหวังกับผลของมันให้ดีสมกับที่เราทำดีลงไป
ดังนั้นทำดีก็ทำให้เต็มที่
แล้วปล่อยทุกอย่างให้เดินไปตามทางของมัน
ปกป้องหัวใจตนด้วยการหมั่นภาวนา
ให้เห็นตามจริง...
การพลัดพราก การจากลา หรือการกลับมา
ทุกสิ่งเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า แม้กระทั่งตัวเรา ใจเราค่ะ
ละอองบุญ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)